นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยว่าได้เสนองบประมาณก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ในส่วนงบไอซีที (เทคโนโลยีสารสนเทศ) 3,800 ล้านบาท รวมงบสาธารณูปโภค เป็นเงิน 4,800 ล้านบาท ซึ่งปรับลดลงจากเดิมที่เคยเสนอ ครม. แล้วไม่ผ่าน ให้ครม.พิจารณาอีกครั้งแล้วนั้น
จากงบประมาณเดิมที่นายพรเพชรเสนอไปนั้นคือกว่า 8,600 ล้านบาท ซึ่งตนและอดีตส.ส.วิลาศ จันทร์พิทักษ์ได้คัดค้านต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จนเป็นผลให้ ครม.ตีกลับทันที เพราะเป็นงบโป่งพองจริงๆ จากเดิมที่เคยตั้งไว้แค่ 3,000 ล้านบาทเท่านั้น
ส่วนการคัดค้าน แม้ว่าจะถูก สนช.ท่านหนึ่งฟ้องหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหายถึง 100 ล้านบาท แต่ก็คุ้มที่สามารถหยุดยั้งงบประมาณโป่งพองของรัฐสภานับพันล้านบาทได้และสามารถหยุดยั้งให้นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถตั้งคณะกรรมการสอบวินัยข้าราชการฝ่ายพัสดุ 18 คนที่เสนอให้สภาใช้วิธีเชิญชวนทั่วไปในการประมูลงบไอซีที แม้ว่าจะไปขัดใจผู้มีอำนาจบางคน
แต่การที่นายพรเพชร เสนองบไอซีทีและงบสาธารณูปโภคล่าสุดรวม 4,800 ล้านบาท เท่ากับลดลงจาก 8,600 ล้านบาท มาถึง 3,800 ล้านบาท อาจเท่ากับนายพรเพชรยอมรับว่ามีงบโป่งโพงจริงๆ หากไม่มีอดีต ส.ส. คัดค้าน ประเทศชาติก็จะเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาลไปแล้ว และถึงแม้ตัวเลขงบประมาณ 4,800 ล้านบาท ที่นายพรเพชรเสนอเข้าครม. เพื่ออนุมัติไปแล้วนั้น
งบประมาณ 4,800 ล้านบาทนี้ก็ยังดูสูงผิดปรกติอยู่ดี แต่ตนจะไม่ทำหนังสือคัดค้านถึงพล.อ.ประยุทธ์อีกแล้ว เพราะได้ส่งหนังสือคัดค้านอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นไปแล้ว ดังนั้น หากงบประมาณ 4,800 ล้านบาทมีการทุจริตเกิดขึ้นในอนาคตครม.ทั้งคณะก็ย่อมต้องรับผิดตามกฎหมายไปด้วย เพราะสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่คงได้ตรวจสอบเรื่องนี้ทุกประเด็นอย่างแน่นอน
"ผมจึงขอเตือนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโปรดพิจารณาทบทวนเรื่องนี้เป็นพิเศษ อย่ามาตายตอนจบ ซึ่งใกล้ๆ จะมีการเลือกตั้งส.ส.แล้ว"
ขณะที่ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ขอจองกฐินเรื่องการส่อทุจริตการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เป็นวาระแรก ส่วนคดีที่นายชัชวาลย์ อภิบาลศรี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ฟ้องหมิ่นประมาทตนและเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ศาลอาญา นัดไต่สวน วันที่ 22 ส.ค. เวลา 09.00 น. ตนยืนยันจะไปฟัง เพราะมีเจตนาสุจริตใจ ต้องการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งเป็นเงินงบประมาณของประชาชนที่เสียภาษีกันมาเลือดตาแทบกระเด็น และสนช.ไม่มีการตรวจสอบเหมือนสภาผู้แทนราษฎร ตนจึงต้องทำหน้าที่ แม้อาจจะต้องขึ้นศาลบ้างก็ตาม แต่ไม่อาจละเลยต่อจิตสำนึกและหน้าที่ของอดีต ส.ส.ได้
อ่านเพิ่มเติม