ไม่พบผลการค้นหา
ในรอบสัปดาห์นี้ โลกเผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ซึ่งองค์การอนามัยโลกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่าไวรัส 'โควิด19' มีจุดเริ่มการระบาดจากเมืองอู่ฮั่นของจีน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 แล้วระบาดออกไปประเทศอื่นอย่างรวดเร็ว จนปรากฏว่าในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2,125 ราย และมีผู้ติดเชื้อแล้ว 75,662 ราย ทั่วโลก

ทางการจีนออกมายอมรับว่าไวรัสโควิด-19 น่ากลัวกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก แม้แต่แพทย์ซึ่งป้องกันการติดเชื้ออย่างรัดกุมก็ได้รับเชื้อและเสียชีวิต ซ้ำยังพบว่าระยะเวลาฟักตัวของเชื้อโดยไม่แสดงอาการยาวนานถึง 24 วัน ไม่ใช่แค่ 14 วันอย่างที่คิดก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังพบว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังมีชีวิตในอุจจาระและปัสสาวะของผู้ป่วย และสามารถมีชีวิตในท่อระบายน้ำ จึงทำให้สถานการณ์น่าวิตกยิ่งขึ้น ต่อมาทางการญี่ปุ่นซึ่งมีความก้าวหน้าทางการแพทย์สูงมากยังได้ยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นติดเชื้อ แม้ว่าจะใส่หน้ากากป้องกันแล้วและยืนห่างจากผู้ติดเชื้อ 2 เมตร เป็นเวลาเพียง 10 นาที

ทั้งหมดทั้งปวงนี้ทำให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ไวรัสโควิด-19 ร้ายแรง และประกาศยกระดับความรุนแรงของสถานการณ์การระบาด

ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ได้มีการจัด "การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-จีน สมัยพิเศษว่าด้วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019" ที่กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ตามแบบ "การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-จีน สมัยพิเศษว่าด้วยโรคซาร์ส ปี 2003" ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย

ทั้งนี้ อาเซียนประกาศว่าตระหนักถึงความแน่วแน่และเข้มแข็งของจีนในการต่อสู้กับการแพร่ระบาด อย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส และมีความรับผิดชอบ และขอบคุณจีนที่แบ่งปันข้อมูลอย่างทันท่วงที ซึ่งเท่ากับจีนได้ปกป้องความมั่นคงด้านสาธารณสุขในภูมิภาค นอกจากนี้ยังกล่าวว่าอาเซียนมีความเชื่อมั่นว่าจีนจะสามารถชนะโรคระบาดนี้ได้ มีการแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และกล่าวสรรเสริญบุคลากรทางการแพทย์ของจีน

ก่อนจะสรุปว่าทุกประเทศเห็นพ้องที่จะจัด "การประชุมผู้นำอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ ว่าด้วยความร่วมมือป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019" ต่อไป รวมถึงจะจัดให้มีการหารือแลกเปลี่ยนผ่านกลไกการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน-จีน และกลไกการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านสาธารณสุขอาเซียน-จีน ต่อไป

000_1P509S.jpg
  • การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-จีน สมัยพิเศษว่าด้วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019" ที่กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

อนึ่ง เป็นธรรมเนียมของการประชุมอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่เนื้อหาการประชุมที่ประกาศออกมามักหวานฉ่ำตามประสาการทูต

แต่ในความเป็นจริง ประเทศสมาชิกอาเซียนแต่ละประเทศมีท่าทีต่อการระบาดของไวรัสโควิด19 แตกต่างกัน

บรูไน เป็นประเทศที่ไม่ค่อยเดือดร้อนใจกับการระบาดของไวรัส เพราะบรูไนไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมไปเที่ยว เนื่องจากเป็นประเทศที่มีกฎหมายอิสลามที่เคร่งครัดมาก อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 ทางการบรูไนก็มีคำสั่งห้ามชาวจีนจากมณฑลหูเป่ยเข้าประเทศ และประกาศให้ประชาชนระงับการเดินทางไปจีนรวมทั้งประเทศอื่นๆ ที่มีรายงานการติดเชื้อ

เวียดนาม เป็นประเทศอันดับที่ 5 ในโลกที่ชาวจีนนิยมไปท่องเที่ยว และมีชายแดนติดต่อกับจีน มีนักท่องเที่ยวและพ่อค้าเดินทางเข้าออกระหว่างจีนและเวียดนามนับล้านคน รัฐบาลเวียดนามตัดสินใจปิดพรมแดนระหว่างเวียดนามกับจีนตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม หลังตรวจพบผู้ติดเชื้อ 2 ราย และในวันที่ 31 มกราคม มีการประกาศห้ามเที่ยวบินจากเมืองอู่ฮั่นของจีนลงจอดในสนามบินของเวียดนาม พร้อมออกคำสั่งให้บริษัททัวร์ทุกแห่งยกเลิกการท่องเที่ยวระหว่างจีนกับเวียดนามทั้งขาเข้าและขาออก หลังจากพบชายชาวจีนเดินทางไปเมืองโฮจิมินห์ซิตี้เพื่อเยี่ยมลูกชายมีอาการป่วย และผลแล็บทางการแพทย์ยืนยันว่าเขาติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อมาในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เวียดนามประกาศภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ห้ามเที่ยวบินจากจีน ฮ่องกง และมาเก๊า ทั้งหมดเข้าประเทศ หลังจากเวียดนามพบผู้ติดเชื้อรายที่ 6 ในประเทศ เป็นพนักงานต้อนรับในโรงแรม ซึ่งไม่เคยมีประวัติเดินทางไปจีน และต่อมา 13 กุมภาพันธ์ เวียดนามสั่งปิดเมืองใกล้ฮานอยหลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 7 ราย เพื่อควบคุมการระบาด 

000_1P510U.jpg

ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศอันดับที่ 10 ในโลกที่ชาวจีนนิยมไปท่องเที่ยว รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม หยุดให้วีซาแบบปลายทาง (visa on arrival) กับคนจีน และประกาศเตือนชาวฟิลิปปินส์ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปจีน ต่อมาในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ทางการฟิลิปปินส์ยืนยันว่ามีชาวจีนเสียชีวิตในกรุงมะนิลา ซึ่งเป็นผู้ป่วยรายแรกที่เสียชีวิตนอกประเทศจีน ดังนั้นฟิลิปปินส์จึงประกาศห้ามนักท่องเที่ยวทุกสัญชาติที่เดินทางจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และมาเก๊า เข้าประเทศ โดยยกเว้นให้สำหรับผู้ถือสัญชาติฟิลิปปินส์และผู้ได้สิทธิพำนักถาวรในฟิลิปปินส์ที่เดินทางจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และมาเก๊า เข้าประเทศ จะต้องถูกกักกันโรคเป็นเวลา 14 วัน 

สิงคโปร์ เป็นประเทศอันดับ 6 ในโลกที่ชาวจีนนิยมไปท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 27 มกราคม สิงคโปร์ประกาศห้ามนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางจากมณฑลหูเป่ยที่ตั้งของเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดเข้าประเทศสิงคโปร์เด็ดขาด และทำการกักกันโรคนักท่องเที่ยวจีนจากมณฑลหูเปยที่ยังตกค้างอยู่ในสิงโปร์เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และยังกักกันโรคชาวสิงคโปร์ที่มีประวัติการเดินทางไปหูเป่ยในรอบ 14 วันก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่สิงคโปร์สามารถลงโทษคนที่ต้องถูกกักกันโรคได้หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งกักกันโรค ต่อมาในวันที่ 31 มกราคม สิงคโปร์ได้ประกาศมาตรการขั้นเด็ดขาด คือ ห้ามนักท่องเที่ยวที่มีประวัติการเดินทางไปจีนในช่วง 14 วัน เดินทางเข้าสิงคโปร์ และแม้แต่แวะเปลี่ยนเครื่องก็ไม่อนุญาต นอกจากนี้ยังระงับวีซ่าทุกชนิดต่อผู้ที่ถือพาสปอร์ตจีนเป็นการชั่วคราว


000_1P224V.jpg

มาเลเซีย เป็นประเทศอันดับ 7 ในโลกที่ชาวจีนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 28 มกราคม รัฐบาลมาเลเซียสั่งระงับวีซ่าชาวจีนจากมณฑลหูเป่ยและมณฑลที่มีพื้นที่ติดต่อกับหูเป่ยทั้งหมด ต่อมาในวันที่ 30 มกราคมมีคำสั่งระงับเที่ยวบินทั้งหมดระหว่างมาเลเซียกับจีน และสั่งคัดกรองอย่างเข้มงวดตามด่านชายแดนทุกแห่ง เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจีนเป็นจำนวนมากนิยมเดินทางเข้ามาเลเซียโดยผ่านด่านชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซีย

ต่อมาวันที่ 12 กุมภาพันธ์ รัฐบาลมาเลเซียได้ตั้งคณะทำงานร่วมกับรัฐบาลสิงคโปร์เพื่อสะกัดกั้นไวรัสโควิด-19 หลังพบผู้ติดเชื้อในสิงคโปร์ 47 ราย และในมาเลเซีย 18 ราย

ทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์ ปฏิเสธการเข้าเทียบท่าของเรือสำราญที่มีประวัติจอดเทียบท่ารับผู้โดยสารจากจีน ฮ่องกง และมาเก๊า ทำให้เรือสำราญหลายสัญชาตต้องเข้าเทียบที่ที่จังหวัดภูเก็ตของไทยแทน

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ผู้โดยสารจากเรือสำราญเวสเตอร์ดาม ซึ่งขึ้นฝั่งที่ท่าเรือสีหนุห์วิลล์ของกัมพูชา บินต่อไปมาเลเซีย ปรากฏว่ามาเลเซียพบว่ามีผู้โดยสารจากเรือสำราญดังกล่าวติดเชื้อ ดังนั้น ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ทางการมาเลเซียจึงมีคำสั่งห้ามผู้โดยสารจากเรือสำราญเวสเตอร์ดามทั้งหมดที่เหลือเข้าประเทศ

ลาว เป็นประเทศที่มีชายแดนติดกับจีน เมื่อวันที่ 26 มกราคม ลาวออกคำสั่งปิดด่านชายแดน ห้ามคนสัญชาติจีนและพม่าเดินทางเข้าออกชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ต่อมาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พบผู้ติดเชื้อชาวจีนในหลวงพระบาง ลาวออกคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศ หลังจากนั้น วันที่ 10 กุมภาพันธ์ รัฐบาลลาวสิ่งปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ที่เมืองต้นผึ่ง แขวงบ่อแก้ว ไม่อนุญาตให้มีการเข้าออกพื้นที่อย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำอยู่ภายใต้การบริหารของกลุ่มทุนดอกงิ้วคำ ซึ่งเป็นกลุ่มทุนจากจีนที่ได้สัมปทานจากรัฐบาลลาว 99 ปี ในการพัฒนาพื้นที่ประมาณหนึ่งหมื่นเฮกเตอร์ โดยมีการสร้างโครงการคิงส์โรมันซึ่งประกอบด้วย โรงแรม รีสอร์ท อาคารพาณิชย์ ร้านอาหาร บ่อนคาสิโน ถนน ท่าเรือ ซึ่งรองรับนักท่องเที่ยวจากจีนปีละมากกว่าสามแสนคน

พม่า เป็นประเทศที่มีชายแดนติดกับจีนและพึ่งการค้าและการลงทุนจากจีนมหาศาล อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม รัฐบาลพม่าได้ออกคำสั่งปิดชายแดนระหว่างพม่ากับจีน และสั่งปิดเมืองลา ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจบนเส้นทางถนนระหว่างประเทศ R3B ที่เชื่อมระหว่างจีนกับพม่า ซึ่งมีนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจีนอยู่เป็นจำนวนมาก โดยห้ามคนนอกเมืองลาเดินทางเข้าไปเมืองลา และห้ามคนในเมืองลาเดินทางออกจากเมืองลา อีกทั้งยังห้ามคนในเมืองลาจัดกิจกรรมที่มีคนชุมนุมร่วมกันมากๆ และสั่งปิดสถานบันเทิงทุกแห่งในเมืองลา

รวมทั้งสั่งห้ามค้าขายสัตว์ป่าตามเมืองต่างๆ ตลอดแนวชายแดน นอกจากนี้ยังห้ามเรือสัญชาติจีนเทียบท่าที่ท่าเรือสบโหลยซึ่งเป็นท่าเรือริมแม่น้ำโขง ต่อมาเมื่อวันที่ 31 มกราคม พม่าไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารของเครื่องบินของสายการบินไชน่าเซาท์เทิร์นเข้าประเทศ หลังจากพบผู้โดยสารชาวจีนมีอาการป่วย ซึ่งพม่าอนุญาตตามหลักมนุษยธรรมให้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและกักกันโรค และอนุญาตให้คนสัญชาติพม่า 2 คน ลงจากเครื่องบินแต่ส่งไปกักกันโรคทันที ส่วนผู้โดยสารคนอื่นๆ ทางการพม่าไม่อนุญาตให้ลงจากเครื่องบิน แล้วมีคำสั่งให้เครื่องบินดังกล่าวบินออกจากสนามบินของพม่า ส่วนจะกลับไปจีนหรือลงจอดที่สนามบินของประเทศใกล้เคียงแทนนั้นไม่มีข้อมูล 

นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งระงับเที่ยวบินระหว่างพม่ากับจีนตามมา ต่อมาในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พม่าระงับการให้วีซาแบบปลายทาง (visa on arrival) กับคนจีน หลังจากนั้น วันที่ 2 กุมภาพันธ์ รัฐบาลพม่าได้ส่งเครื่องบินสายการบินแห่งชาติพม่า คือ Myanmar Airways International (MAI) ไปรับนักศึกษาพม่า 63 คนออกจากเมืองอู่ฮั่น แล้วส่งไปกักกันโรคที่โรงพยาบาลในเมืองมัณฑะเลย์

อินโดนีเซีย เป็นประเทศอันดับ 4 ในโลกที่ชาวจีนนิยมไปท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ รัฐบาลอินโดนีเซียจัดเครื่องบินเช่าเหมาลำของสายการบินบาติกแอร์ไปรับพลเมืองอินโดนีเซีย 238 คน ออกจากเมืองอู่ฮั่น กลับอินโดนีเซีย โดยลงจอดที่สนามบินในเมืองบาตัมบนเกาะรีเยาใกล้เกาะสุมาตรา แล้วส่งต่อไปกักกันโรคที่เกาะนาตูนา ซึ่งเป็นเกาะห่างไกลของอินโดนีเซียในทะเลจีนใต้ หลังจากนั้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ มีคำสั่งให้สนามบินทุกแห่งตรวจสอบผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางจากจีนอย่างเคร่งครัด ต่อมาในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ รัฐบาลอินโดนีเซียสั่งระงับเที่ยวบินทั้งหมดระหว่างอินโดนีเซียกับจีน อย่างไรก็ดี ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ อินโดนีเซียยืนยันไม่มีผู้ติดเชื้อในอินโดนีเซีย แม้ว่าทางการจีนจะประกาศว่าพบนักท่องเที่ยวจีนติดเชื้อหลังมาเที่ยวเกาะบาหลีของอินโดนีเซียก็ตาม

กัมพูชา เป็นประเทศอันดับ 9 ในโลกที่ชาวจีนนิยมไปท่องเที่ยว แต่ทางการกัมพูชาไม่แสดงท่าทีว่ากังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัโควิด-19 เลย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ สมเด็จฮุนเซ็นผู้นำของกัมพูชาเรียกร้องไม่ให้นักศึกษากัมพูชาในอู่ฮั่นเดินทางกลับประเทศ เพราะเชื่อมั่นว่าจีนมีการควบคุมการระบาดที่ดี ยืนยันว่ากัมพูชาไม่มีนโยบายส่งเครื่องบินไปรับนักศึกษาจากอู่ฮั่นกลับกัมพูชา ไม่มีนโยบายปิดกั้นชาวจีนด้วยการระงับวีซ่า และไม่มีนโยบายระงับเที่ยวบินระหว่างกัมพูชากับจีน เพราะเกรงกระทบเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ และยังเรียกร้องไม่ให้ชาวกัมพูชาสวมหน้ากากอนามัยเพราะเป็นการแสดงความหวาดกลัว ซึ่งแม้แต่ผู้นำก็ไม่ใส่เพราะไม่หวาดกลัว และยังเรียกร้องต่อประชาชนกัมพูชาไม่ให้แสดงความรังเกียจชาวจีนที่เดินทางมากัมพูชา

ต่อมาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ รัฐบาลกัมพูชาได้อนุญาตให้เรือสำราญเวสเตอร์ดามเข้าเทียบท่าที่เมืองท่าสีหนุห์วิลล์ หลังจากที่ไม่มีประเทศใดอนุญาตให้เรือสำราญลำนี้เข้าเทียบท่าเรือของตนหลังจากทราบว่าเรือลำนี้ได้เดินทางไปรับผู้โดยสารที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการระบาด ทั้งนี้ สมเด็จฮุนเซนได้เดินทางไปต้อนรับผู้โดยสารของเรือลำนี้ลงจากเรือด้วยตัวเอง ด้วยการจับมือและสวมกอด หลังจากนั้นกัมพูชาประกาศว่าได้ทำการตรวจคัดกรองโรคแล้วยืนยันว่าไม่มีผู้ติดเชื้อ จากนั้นจึงเตรียมส่งต่อผู้โดยสารบางส่วนให้เดินทางเข้าไทย ที่ด่านคลองลึก จังหวัดสระแก้ว และบางส่วนจัดให้ขึ้นเครื่องบินเช่าเหมาลำไปมาเลเซีย แต่ปรากฏว่าทางการมาเลเซียพบว่ามีผู้โดยสารจากเรือนี้ติดเชื้อ และเรียกร้องให้กัมพูชารีบดำเนินมาตรการตรวจสอบและสกัดกั้นการระบาดโดยด่วนที่สุด ซึ่งกัมพูชายังนิ่งเฉยอยู่

ไทย เป็นประเทศอันดับ 1 ในโลกที่ชาวจีนนิยมไปท่องเที่ยว ทางการไทยแสดงไมตรีอันมั่นคงต่อจีนด้วยการไม่ระงับวีซ่า ไม่ห้ามคนจีนเข้าประเทศ ไม่สั่งห้ามเที่ยวบินระหว่างไทยกับจีน แต่สายการบินหลายสายทำการระงับเที่ยวบินระหว่างไทยกับจีนเอง เพื่อความปลอดภัยของลูกเรือและผู้โดยสาร นอกจากนี้ ในวันที่ 25 มกราคม ซึ่งเป็นวันตรุษจีนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยังได้จัดการต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนอย่างอบอุ่น เช่น มีการจัดเชิดสิงโตต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนตามสนามบินใหญ่ๆ ที่เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจีนนิยม เช่น เชียงใหม่ และกระบี่ ต่อมาในวันที่ 26 มกราคม นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงว่าอยากให้คนไทยมองว่าไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือต่อมาชื่อไวรัสโควิด-19 นี้ เป็นแค่โรคหวัดชนิดหนึ่ง ขออย่าตื่นตระหนก และขอให้เชื่อมั่นว่าทางการไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นได้มีการพบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยหลายราย ต่อมามีกระแสเรียกร้องให้รัฐบาลไปรับคนไทยที่ตกค้างในอู่ฮั่นอพยพกลับไทย ดังนั้นวันที่ 27 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจึงแถลงว่ารัฐบาลไทยพร้อมรับคนไทยในอู่ฮั่นกลับประเทศทันทีที่ทางการจีนอนุญาตให้นำเครื่องลงจอด และกล่าวว่าทางการจีนของร้องไม่ให้นำเครื่องบินทหารไปรับแต่ขอให้ใช้เครื่องบินพาณิชย์เพราะเกรงกระทบต่อความมั่นคง และในวันที่ 28 มกราคม นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าจีนยังไม่อนุญาตให้ประเทศไหนนำเครื่องบินเข้าไปรับประชาชนของตนในอู่ฮั่น 


ประยุทธ์ อนุทิน ศักดิ์สยาม ไวรัส โคโรนา สุวรรณภูมิ 53703000000.jpg

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านั้นมีประเทศต่างๆ เกิน 20 ประเทศได้นำเครื่องบินไปรับประชาชนของตนออกจากอู่ฮั่นเรียบร้อยแล้ว ทุกประเทศใช้เครื่องบินของสายการบินแห่งชาติของตน โดยมีบางประเทศใช้เครื่องบินทหารของกองทัพไปรับ คือ ตุรกีและเยอรมัน หลังจากนั้น วันที่ 2 กุมภาพันธ์ กระทรวงสาธารณสุขไทยประกาศว่าโรงพยาบาลราชวิถีทดลองใช้ยาต้านไวรัส HIV กับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด19 และได้ผลดี เชื่อว่าไทยจะค้นพบยารักษาผู้ป่วยที่ติดไวรัสชนิดนี้ได้เร็วๆนี้ ในขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตในจีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต่อมาในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ทางการไทยได้รับคนไทย 138 คน อพยพออกจากอู่ฮั่นกลับไทยด้วยเครื่องบินของสายการบินแอร์เอเชียซึ่งเป็นสายการบินสัญชาติมาเลเซียที่อาสาไปรับคนไทยกลับประเทศ และเมื่อกลับมาแล้วทางการไทยได้ส่งคนไทยเหล่านั้นไปกักกันโรคที่สัตหีบ


ไตรศุลี 17151625000000.jpg
  • น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

จากนั้น ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เตรียมแผนกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวด้วยการเสนอให้มีการใช้ฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย พร้อมกับประสานกระทรวงคมนาคมเพื่อเปิดบริการเช่าเครื่องบินเหมาลำให้มากที่สุด โดยหวังว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวประเทศไทยอย่างคึกคักอีกในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ท่าทีทั้งหมดของรัฐบาลไทยทำให้รัฐบาลจีนซาบซึ้งเป็นอย่างมาก และนายหวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนได้กล่าวขอบคุณไทยที่เป็นมิตรแท้เคียงข้างจีนเมื่อจีนเผชิญความยากลำบาก

ปัจจุบันนี้ การระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังไม่ยุติ และองค์การอนามัยโลกประกาศเตือนทั่วโลกให้เตรียมรับมือการระบาดระยะใหม่

ต้องจับตาดูว่าประเทศต่างๆ ในอาเซียนจะมีมาตรการอย่างไรต่อไป เพื่อให้ประเทศของตนสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้