มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดอภิปรายหัวข้อ "อภิวัตน์สยาม 2562 : ความหวังและอนาคตประเทศไทย" เนื่องในวันปรีดี พนมยงค์ ประจำปี 2561
โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุถึงความคาดหว้งการเลือกตั้งในปี 2562 ว่า จะเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญ เพราะจะมีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นครั้งแรกเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ
ด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นควรอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่การเลือกนั้งต้องได้ ส.ส.อย่างแท้จริง ถ้าได้ ส.ส.ที่เป็นตัวแทนเผด็จการ จะทำให้การเลือกตั้งไม่มีความหมาย ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้าต้องให้ประชาชนศึกษานโยบายแต่ละพรรค และต้องนำไปสู่การได้มาซึ่งเศรษฐกิจ ประชาธิปไตย
ขณะที่ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ระบุจุดเปลี่ยนของการเลือกตั้งในปี 2562 คือผู้มีสิทธิเลือกตั้งอายุ 18 ปี ซึ่งจะมีผู้ไม่เคยใช้สิทธิเลือกตั้งกว่า 8 ล้านคน ขณะที่การรัฐประหารที่มีมา 4 ปีไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ดังนั้นต้องเดินหน้าประเทศสู่ประชาธิปไตยและให้ฝ่ายค้านคอยตรวจสอบ แต่ที่ผ่านมามีกลุ่มบางกลุ่มไม่พอใจจึงทำให้ประชาธิปไตยมีปัญหา
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า ถ้าการเลือกตั้งมีขึ้นในปี 2562 ต้องนำการปฏิวัติ 2475 มาทำให้เสร็จ เพราะขณะนี้ประชาชนยังไร้สิทธิและเสรีภาพ หากการเลือกตั้งปี 2562 มีจริง ต้องนำเอาหมุดหมายและจิตวิญญาณ 2475 นำคืนประชาชน คืนอำนาจสูงสุดของประเทศนั้นเป็นของราษฎรทั้งหลาย
ทั้งนี้ในวงเสวนามีการตั้งประเด็นหากผู้ร่วมเสวนาทั้ง 4 คนได้เป็นายกรัฐมนตรีจะผลักดันเรื่องใด โดยนายวราวุธ ระบุว่า หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีใน 1 วันจะตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เหมือนปี 2538 ที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีเคยแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 211 จนนำไปสู่การมีรัฐธรรมนูญ 2540 โดยส่วนตัวจะตั้ง ส.ส.ร. ดีที่สุดในประเทศ ดังนั้น ประเทศจะก้าวหน้ามั่นคง คือกฎกติกาการบริหารประเทศ แม้จะทำได้ไม่ดีเท่าผู้เป็นพ่อทำ แต่ก็อยากทำ
นายวราวุธ ยืนยันไม่เคยถูกดูดออกจากพรรคชาติไทยพัฒนา การจะออกจากพรรคได้ต้องรอให้ดินกลบหน้าก่อน ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมาเป็นนายกฯ คนนอกนั้น ถ้ามาตามกติกาลงสมัคร ส.ส.ผ่านพรรคการเมือง ส่วนตัวก็ "ยอมรับได้"
เช่นเดียวกับ น.ส.ขัตติยา ระบุ หากเป็นนายกรัฐมนตรีจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาใช้จากนั้นก็มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วทำประชามติโดยตั้ง ส.ส.ร. เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นของประชาชนทุกคน ไม่จำกัดเสรีภาพ และ "ไม่เห็นด้วย" หาก พล.อ.ประยุทธ์ จะมาเป็นนายกฯ คนนอก
ส่วนนายธนาธร ระบุว่า ถ้าเป็นนายกฯ จะยกเลิกรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ถ้าเชื่อว่าอำนาจสูงสุดเป็นของราษฎรทั้งหลาย อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญต้องเป็นของราษฎร ซึ่งปัญหาของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ขัดหลักการอำนาจประชาชนเป็นของประชาชน ส่วนตัวมองว่ารัฐธรรมนูญ ปี 2560 ไม่สามารถแก้ไขได้ แม้จะมีเสียงในสภา 300-400 เสียง วิธีการเดียวต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2560
โดยการนำเอาจิตวิญญาณธงเขียวเมื่อปี 2540 กลับมาอีกครั้ง สร้างการเห็นด้วยจากประชาชนว่ารัฐธรรมนูญ ปี 2560 ต้องยกเลิกแล้วร่างใหม่ เงื่อนไขเดียว คนในสังคมต้องเห็นร่วมกัน ขอชวนประชาชนนำสปิริตนั้นกลับมาให้เป็นวาระแห่งชาติ และร่วมผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา และต้องเอาทหารออกจากการเมืองให้ได้ อีกทั้งส่วนตัวยังมองไม่เห็นว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2562
ขณะที่ น.ส.รัชดา จากพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า หากได้เป็นนายกฯ และพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจะผลักดันการกระจายอำนาจครอบคลุมการปฏิรูปตำรวจ ให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ในจังหวัดที่มีศักยภาพไม่ใช่ให้นายกรัฐมนตรีจับโยกย้ายไป ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ ปี2560 แม้ไม่ใช่ฉบับที่ดีที่สุด แต่รัฐธรรมนูญจำเป็นต้องแก้ไข เพียงแต่ไม่ใช่วาระแรก ส่วนประเด็นนายกรัฐมนตรีเป็นคนนอกนั้น ยืนยันพรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุน คนในพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกฯ เท่านั้น
ขณะเดียวกัน ผู้ร่วมเสวนาทั้งหมดยังตอบคำถามประเด็นการเปิดบ่อนกาสิโน โดยทั้งหมดเห็นด้วยกับประเด็นการเปิดบ่อนกาสิโน แต่ต้องทำให้ถูกกฎหมาย และปล่อยให้จังหวัดได้ควบคุมเอง
อ่านเพิ่มเติม: