สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ระบุว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรมและประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก สิ้นพระชนม์ เมื่อเวลา 07.35 น. วันนี้ (21 เมษายน 2568) ด้วยพระชนมายุ 88 พรรษา ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เข้ารับการรักษาพระวรกายหลายครั้ง โดยเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ทรงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงโรม ด้วยอาการปอดอักเสบและพักรักษาพระวรกายเป็นเวลานานถึง 38 วัน ก่อนที่จะทรงออกมาประทับยังสถานที่ประทับประจำตำแหน่งจนกระทั่งสิ้นพระชนม์
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความแสดงความอาลัยผ่านสื่อโซเชียลมีเดียว่า
On behalf of the people of Thailand, I extend my profound sorrow and deepest condolences on the passing of @Pontifex His Holiness Pope Francis. His unwavering compassion, moral courage, noble humility, and tireless pursuit of peace inspired millions of people across faiths and nations.
Thailand joins the world in mourning the loss of a true beacon of humanity.
May His Holiness rest in eternal peace.
ในนามของประชาชนชาวไทย ดิฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส @Pontifex ด้วยความโศกเศร้าอย่างยิ่ง พระองค์ทรงเป็นต้นแบบแห่งความเมตตา ความกล้าหาญทางศีลธรรม ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความมุ่งมั่นในการสร้างสันติภาพ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้คนจำนวนมากจากทุกศาสนาและทุกมุมโลก
ประเทศไทยขอร่วมกับประชาคมโลก ในการไว้อาลัยต่อการจากไปของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ผู้เป็นดั่งแสงนำทางแห่งมวลมนุษยชาติ
ขอพระองค์ทรงสถิตในสัมปรายภพอันสงบสุขตลอดนิจนิรันดร์
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส หรือพระนามเดิม ฮอร์เค มาริโอ แบร์โกกลิโอ ประสูติเมื่อปี 1936 ณ กรุงบัวโนส ไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ทรงได้รับเลือกขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 แห่งพระศาสนจักร เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2013 ต่อจากสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 โดยทรงเป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรกที่มาจากทวีปอเมริกาใต้ ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ปฏิรูปศาสนจักร และทรงเรียกร้องให้ตระหนักถึงและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ความยากจน สงคราม ผู้อพยพ รวมถึงความเท่าเทียมทางเพศ