ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งให้กรมราชทัณฑ์ทำหนังสือถึง ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ ขอนำนักโทษช่วยขุดลอกท่อช่วงหน้าฝน เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ต้องขังได้มีงานทำ ว่า ถือเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เพราะก่อนหน้านี้ก็ใช้นักโทษ แต่เมื่อมีกฎการจัดซื้อจัดจ้างออกมาทำให้ไม่สามารถใช้นักโทษได้ และหลังจากนั้นก็เปลี่ยนกลับมาใช้ได้แต่ติดสถานการณ์โควิด 2 ปี กรมราชทัณฑ์จึงไม่อยากให้นักโทษออกมาเพราะกลัวนำเชื้อกลับเข้าไป รวมถึง กทม. ก็มีความกังวล แต่เชื่อว่าที่ผ่านมา ผู้ต้องขัง สามารถลอกท่อได้ดีมาก ทำงานสะอาด เพราะไปที่ไหนพ่อค้าแม่ค้าก็นำอาหารมาเลี้ยงนักโทษ แต่หากให้เอกชนทำเท่าที่ฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนคือ มีจะแค่เปิดฝาท่อถ่ายรูป และหลายครั้งก็ทำฝาท่อแตก ไม่สะอาดด้วย
ชัชชาติ ยังกล่าวขอบคุณ สมศักดิ์ โดยมองว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีในการให้ความร่วมมือกัน และหากรับตำแหน่งแล้วจะเข้าไปเยี่ยมเยียน เพื่อหารือเรื่องนี้อีกครั้ง การร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานเป็นสิ่งที่ดีมากๆ และเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ถูกคุมขังได้มีเงินเก็บเวลาออกมา และอีกหนึ่งสำคัญที่ควรจะทำ คือ เวลาลอกท่อจะต้องนำพ่อค้าแม่ค้าเจ้าของร้านมายืนดูด้วย เพราะหลายครั้งจะเห็นว่า ภายในท่อมีไขมันหนา จึงควรมาร่วมรับผิดชอบร่วมกันว่าทิ้งอะไรลงไปหรือไม่ และชุมชนก็ควรจะต้องมาช่วยกันร่วมรับผิดชอบท่อระบายน้ำในพื้นที่ เพราะหากชุมชนไหนพบว่ามีไขมันก็ควรจะต้องมีการปรับปรุง ซึ่งจะถือเพื่อเป็นการร่วมทำงานทั้งสองฝ่าย และยืนยันว่า หากรับตำแหน่งและผ่านการหารือแล้วสามารถทำได้ทันที ไม่มีปัญหา เพราะการจ้างหน่วยงานราชการมีความโปร่งใส มีอัตรากำหนดที่ชัดเจนไม่ได้ไปเอื้อประโยชน์ให้ใคร ซึ่งที่ผ่านมา มีหลายครั้งที่ตนได้รับแจ้งว่าผู้รับเหมาเอกชนมาลอกท่อแค่ถ่ายรูปแล้วกลับ บางครั้งทำฝาท่อแตก โดยหลังจากรับตำแหน่งนอกจาเข้าพบรัฐมนตรีสมศักดิ์แล้ว ก็มีกำหนดการเข้าพบหลายคิวที่ต้องไปเจอ
ชัชชาติ บอกต่อว่า ความเห็นของ สมศักดิ์ เป็นการให้ความเห็นเชิงสร้างสรรค์ที่ดีมากๆ และคนกรุงเทพก็น่าจะขอบคุณท่านรัฐมนตรีด้วย โดยการลอกท่อจะอยู่แผนการดำเนินการ ปีละ 3,000 กิโลเมตร ซึ่งมีท่อทั้งหมด 6,000 กิโลเมตร ดังนั้น คาดว่าจะลอกท่อประมาณ 2 ปี 1 ครั้ง และเมื่อเริ่มทำได้เลยก็จะทำต่อเนื่องทั้งปี
ชัชชาติ ยังระบุว่า จะเปิดตัวทีมรองผู้ว่าฯ และที่ปรึกษา หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. รับรองผลการเลือกตั้ง ซึ่งส่วนตัวค่อนข้างมั่นใจในทุกคน ทั้งนี้ ชัชชาติ ให้คำใบ้ว่า “รองผู้ว่าฯ ไม่ใช่คนที่เป็นเซเลป แต่ต้องซื่อสัตย์ โปร่งใส หัวต้องนิ่ง คัดประวัติมาดี และไม่มีปัญหา”
ถามถึงการสรรหารองผู้ว่าฯ กทม. ว่ามีการกดดันจากพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ชัชชาติ ตอบว่า ไม่มีเลย เพราะเราใช้ระบบโควตา เราเลือกคนอย่างเป็นอิสระ ไม่มีพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่เกี่ยวข้องคือ ส.ก. ในแต่ละพื้นที่ที่ช่วยนำเสนอปัญหารายเขต
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสที่ ผศ. เกศรา ธัญลักษณ์ภาคย์ หรือ ดร.ยุ้ย ปฏิเสธการรับตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. นั้น ชัชชาติ ตอบว่า ทุกคนที่มาร่วมงานแต่ต้นไม่ได้หวังตำแหน่ง ดร.ยุ้ย เก่งเรื่องยุทธศาสตร์ ตำแหน่งที่เหมาะสมอาจไม่ใช่รองผู้ว่าฯ แต่เป็นที่ปรึกษา Chief Strategist ที่จะผลักดันทุกนโยบายที่เราทำ
ส่วนกระแสที่ จักกพันธ์ ผิวงาม อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. สมัย พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าฯ กทม. นั้น ชัชชาติ ตอบว่า ทุกท่านยืนยันว่าท่านจักกพันธ์ เป็นคนดีมากๆ โปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งข้าราชการทุกคนพูดเหมือนกัน จึงยืนยันว่าท่านเป็นเพชรของ กทม. เป็นคนหนึ่งในกลุ่มที่เราพิจารณา เพราะเราต้องการคนเข้าใจงาน เราไม่มีเวลาฮันนีมูน และโชคดีเราเดินทางมา 2 ปี จึงมีโอกาสได้ถามแต่ละท่านมาร่วมงาน