การเซ็นเซอร์คำวิพากษ์วิจารณ์นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน ไม่ยกเว้นแม้แต่กระทั่ง ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ได้ออกมาระบุล่าสุดว่า นโยบายโควิดเป็นศูนย์เป็นนโยบายที่ไม่ยั่งยืน คำกล่าวของผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกเมื่อวันอังคาร (10 พ.ค.) ผ่านมา ถูกลบออกจากโซเชียลมีเดียของจีนในทันที
ในวิดีโอคลิปการแถลงของผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกได้มีการเรียกร้องขอให้ประเทศต่างๆ เปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ของตนเอง “เมื่อเราพูดถึงยุทธศาสตร์โควิดเป็นศูนย์ เราไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยั่งยืน พิจารณาจากพฤติกรรมของไวรัสในตอนนี้ และสิ่งที่เราคาดเดาในอนาคต” ทีโดรสกล่าวในการแถลงที่สำนักงานใหญ่องค์การอนามัยโลก
“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเรามีความรู้ที่ดีและความเข้าใจถึงไวรัส และเรามีเครื่องมือที่ดีที่จะใช้ การเปลี่ยนผ่านไปสู่อีกยุทธศาสตร์จะเป็นเรื่องที่สำคัญ” ทีโดรสกล่าวเสริม ข้อความดังกล่าวของทีโดรสถูกส่งต่อไปยังแอพพลิเคชัน WeChat ของจีนภายใต้บัญชีทางการของสหประชาชาติ อย่างไรก็ดี วิดีโอที่แนบมาด้วยกลับถูกลบออกจากแอพพลิเคชัน
WeChat ระบุเหตุผลของการลบเนื้อหาวิดีโอคำพูดของทีโดรสว่าเป็น “การละเมิดระเบียบข้อบังคับ” ตัวแอพพลิเคชันยังห้ามผู้ใช้แชร์บทความดังกล่าว มีรายงานว่าโพสต์ในลักษณะเดียวกันของสหประชาชาติบนเว็บไซต์ Weibo ของจีนก็ถูกลบออกจากแพลตฟอร์มด้วยเช่นกัน
ทีโดรสเพิ่งกลายมาเป็นผู้ที่คั้งคำถามกับนโยบายโควิดเป็นศูนย์ หลังจากก่อนหน้านี้มีการวิจารณ์ว่า ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกมีความใกล้ชิดกันกับรัฐบาลจีน จนในบางครั้งองค์การอนามัยโลกเลือกที่จะเลี่ยงวิจารณ์รัฐบาลจีน อีกทั้งยังชื่นชมว่าทางการจีนมีความพยายามในการแบ่งปันข้อมูลที่โปร่งใสและเป็นประโยชน์ สวนทางกันกับข้อวิจารณ์ที่ว่ารัฐบาลจีนพยายามปกปิดข้อมูลการระบาดของโควิด-19 ในเมืองอู่ฮั่น จนทำให้การแพร่ระบาดกระจายตัวออกไปเป็นวงกว้างและลามไปทั่วทั้งโลก
ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการแผนกฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก กล่าวหลังทีโดรสในการแถลงสรุปวันเดียวกันว่า มาตรการควบคุมโรคระบาดควรให้ “ความเคารพต่อบุคคลและสิทธิมนุษยชนอย่างเหมาะสม” ไรอันย้ำว่า “เราพูดเสมอในฐานะองค์การอนามัยโลกว่า เราจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างมาตรการควบคุมกับผลกระทบที่มีต่อสังคม ผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจ และนั่นไม่ใช่การขีดเส้นแบ่งที่ง่ายดายเสมอไป”
ในทางตรงกันข้าม ในการประชุมระหว่าง สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และที่ปรึกษาที่ใกล้ชิดที่สุดของสีเมื่อสัปดาห์ก่อน ประธานาธิบดีจีนได้ประกาศยกระดับนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่เข้มงวดขึ้นเป็นสองเท่า สียังประกาศอีกว่า รัฐบาลจีนจะ “ต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวต่อคำพูดใดๆ ที่บิดเบือน ตั้งคำถาม หรือปฏิเสธ” มาตรการควบคุมการระบาดใหญ่ของจีน
ข้อวิจารณ์ถึงความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจของจีน ภายใต้การล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด และการเดินหน้ายึดนโยบายโควิดเป็นศูนย์ก็ถูกเซ็นเซอร์จากทางการจีนด้วยเช่นกัน นักธุรกิจจำนวนหนึ่งตัดสินใจย้ายฐานตนเองออกจากจีน หลังจากต้องประสบกับมาตรการล็อกดาวน์ที่ยังผลมาให้เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว นักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลจีนว่าการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ต่อไปอาจส่งผลกระทบต่อประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอย่างจีนเองได้
จีนยังคงเป็นอีกไม่กี่ประเทศที่ยึดนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ผ่านการประกาศล็อกดาวน์เมืองที่พบการระบาดของโควิด-19 การกักตัวคนเข้าออกประเทศอย่างเข้มงวด ตลอดจนการปิดประเทศไม่ต้อนรับผู้เดินทาง อย่างไรก็ดี แนวนโยบายดังกล่าวทำให้จีนมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพียงแค่ 15,000 ราย ซึ่งต่ำกว่าประเทศอื่นๆ โดยเปรียบเทียบจากจำนวนประชากรอย่างมาก
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์จากวารสารทางวิทยาศาสตร์ Nature ว่า การยกเลิกมาตรการใดๆ ของจีน ภายใต้การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อแบบ “สึนามิ” ในจีน และอาจส่งผลให้มีชาวจีนอย่างน้อย 1.6 ล้านรายเสียชีวิตได้
ที่มา: