ไม่พบผลการค้นหา
เลขา ครป. วิเคราะห์แผนกลุ่มอำนาจเก่าใช้องค์กรอิสระสกัดเสียง ส.ว.โหวตพิธาเป็นนายกฯ พรุ่งนี้ เพราะคาดว่าก้าวไกลได้เสียง ส.ว.ครบแล้ว จับตาแผนซ้อนแผนชิงตำแหน่งนายกฯ

เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า เมื่อวานนี้คนไทยดีใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจประกาศวางมือทางการเมือง หลังจากครองอำนาจมาถึง 9 ปีนับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2557 ซึ่งถือว่าเป็นการคืนโอกาสให้ประเทศไทยได้ไปต่อ ไม่ติดกับดักเผด็จการอำนาจนิยมแบบเดิม เพื่อให้การเมืองไทยไปต่อ "หลังยุคพล.อ.ประยุทธ์" ถือว่าเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ที่คนไทยต้องจดจำ

รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศด้วยอำนาจพิเศษมาจนถึงการใชอำนาจครอบจักรวาลตาม พรก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งตอนแรกคนไทยนึกว่าจะนำมาใช้กับสถานการณ์โรคโควิด-19 แต่ดันนำมาใช้กับผู้ชุมนุมทางการเมือง ผมเองก็เคยโดนถูกตั้งข้อหาละเมิด พรก.ฉุกเฉินฯ 4 คดีก่อนอัยการสั่งไม่ฟ้อง เพราะออกมาขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมกับกลุ่มไทยไม่ทน 

บาดแผลที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กระทำกับสังคมไทยยังมีอีกมากที่รอการแก้ไขเยียวยา และแสวงหาความยุติธรรม โดยเฉพาะประชาชนที่ถูกคดีทางการเมืองจำนวนมาก และกระบวนการยุติธรรมที่เลือกปฏิบัติ รวมถึงการออกกฎหมายเผด็จการต่างๆ ที่รอการชำระแก้ไขยกเลิก ซึ่งทำให้เกิดอำนาจรัฐซ้อนรัฐ โดยเฉพาะกฎหมาย กอ.รมน. ที่ให้อำนาจทหารในฐานะ รองผอ.กมน.ในแต่ละจังหวัดมีอำนาจด้านความมั่นคงเหนือพลเรือน แต่ก็ดีใจได้ไม่นาน เพราะการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองยังไม่เกิดขึ้น แม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจวางมือทางการเมืองไปแล้วก็ตาม

ประเมินสถานการณ์การเมืองวันนี้ การที่ กกต.ตัดสินใจวินิจฉัยคุณสมบัติ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ ม.101 เนื่องจากถือหุ้นสื่อตาม ม.98 โดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาก่อน และส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยก่อนเลือกนายกรัฐมนตรีเพียง 1 วันนั้น ทำให้การโหวตเลือกนายกฯ วันพรุ่งนี้มีปัญหา

แม้ว่าข้อกล่าวหาของ กกต. ต่อความเป็น ส.ส. ของนายพิธาวันนี้ ไม่ขัดต่อตำแหน่งแคนดิเดตนายกโดยตรงและไม่มีผลต่อตำแหน่งนายกที่จะโหวตพรุ่งนี้ตามการแถลงของพรรคก้าวไกลนั้น แต่ผลการกระทำของ กกต. วันนี้จะกระทบโดยอ้อมคือ อาจมีคนเสนอเลื่อนการโหวตเพื่อรอฟังคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่เลื่อนโหวตแต่เรื่องนี้อาจเป็นเหตุเผลอ้างว่าคุณสมบัติไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนายก ส.ว.จึงไม่โหวตให้ผ่าน ซึ่งจะกลายเป็นศึกชิงตำแหน่งนายกฯ รอบต่อไป ซึ่งหากพิธาไม่ผ่านด่าน ส.ว. เพื่อไทยจะได้เปรียบและเสียบแทน โดยดึงเสียงพรรคร่วมเพิ่มเติม

แต่ กกต.อาจจะเสี่ยงติดคุกหากมีคนไปยื่นฟ้อง ม.157 เนื่องจากนายพิธาเป็น ส.ส.มาแล้ว 4 ปีในคดีเดิมไม่เคยถูกพิจารณาตัดสิทธิ์ แต่มาพิจารณาก่อนเลือกนายกเพียง 1 วัน และปลุกกระแสเสร็จหนีไปสัมมนา ตจว. 3 วันเฉยเลย หากเป็นเกมชิงอำนาจทางการเมืองของกลุ่มอำนาจเก่า ที่ควบคุมองค์กรอิสระไว้ได้ แสดงว่าพรรคก้าวไกลได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ครบแล้วในการโหวตนายก จึงมีแผนการสกัดกั้นก่อนการเลือกตั้งเพียงวันเดียว เพื่อเปลี่ยนใจ ส.ว.ที่จะโหวตเลือก และยื่นดาบให้ศาลรัฐธรรมนูญรอบสองในสัปดาห์หน้า และหากในรอบถัดไปไม่สามารถโหวตนายพิธาเป็นนายกได้ ก็จะกลายเป็นโควต้าของพรรคเพื่อไทยชิงชัยสู้กับกลุ่มอำนาจเก่าแทน

การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจประกาศวางมือทางการเมืองเมื่อวานนี้ เป็นข่าวดีไม่นาน แต่แท้จริงแล้วอาจเป็นเพียงการปล่อยมือและหลีกทางให้แผนการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ!