เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 30 ก.ย.2565 ที่ศาลเจ้าแม่จ้อโป๋ (ทับทิม) อ.เมือง จ.พังงา จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้สัมภาษณ์ ระบุหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยังไม่สิ้นสุดลงว่า เป็นไปตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีผลผูกพันทุกองค์กร โดยเนื้อหาคำพิพากษาก็คือวาระการดำรงตำแหน่ง ท่านนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เฉพาะตัวของท่าน ถือว่านับหนึ่งเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันบังคับใช้ และจะดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้ไม่เกิน 8 ปี ซึ่งหากจะนับปีสิ้นสุด ก็คงประมาณปี 2568 นั่นก็คือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนท่านจะอยู่แค่ไหนอย่างไรนั้น ก็ต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง ทั้งปัจจุบันและต่อไปในอนาคต แต่สำหรับรัฐบาลชุดนี้ก็หมายความว่า ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในทางการเมืองเกิดขึ้น วาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีในสภาชุดนี้ก็จะไปได้ถึงเดือน มี.ค. 2566 ซึ่งก็จะมีเวลาอีกประมาณ 5-6 เดือน ถัดจากนี้ไป ยกเว้นเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ก็ต้องเป็นไปตามสถานการณ์ แต่ถ้าไม่มีอะไร ก็หมายความว่าจะครบเทอมในช่วงเดือน มี.ค. ปี 2566
ผู้สื่อข่าวถามถึงรู้สึกที่มีต่อ พล.อ. ประยุทธ์ นั้น จุรินทร์ กล่าวว่า ก็ต้องถือว่า ในฐานะที่ตนเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ท่านก็ต้องถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เป็นผู้บังคับบัญชาในการบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ถือว่าประชาธิปัตย์ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง เราก็ทราบภารกิจดีอยู่แล้วว่าจะต้องทำอะไร อย่างไร ต่อไป ก็จะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล หรือในฐานะของหนึ่งในคณะรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่ต้องบริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไทยทั้งประเทศ
ส่วนการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะส่งผลกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างไรหรือไม่นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็ถือว่ายังเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ เพราะว่าการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรี และบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ตราบเท่าที่ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องดังกล่าวจะส่งผลต่อการตัดสินใจในการเลือกนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่นั้น จุรินทร์กล่าวว่า ตนตอบล่วงหน้าไม่ได้ ต้องอยู่ที่เสียงของพี่น้องประชาชนแต่ถ้าดูสถานการณ์ทางการเมือง ช่วงเวลานี้ก็ต้องถือว่า กำลังเดินเข้าสู่โหมดเลือกตั้งแล้ว หรืออย่างน้อยก็ต้องเรียกว่าอยู่ในโหมดของการเตรียมการเลือกตั้ง เพราะได้เข้าสู่ 6 เดือนสุดท้ายของสภาสมัยนี้ หมายความว่าได้ผ่าน 3 ปีครึ่งมาแล้ว ยังเหลืออีกครึ่งปีที่จะครบวาระ ประมาณวันที่ 24 มี.ค. ปีหน้า เพราะฉะนั้นพรรคการเมืองทั้งหลายก็เตรียมตัวกันอยู่ และพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นพรรคการเมืองหนึ่งซึ่งเราก็มีความพร้อมที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง เพราะได้มีการเตรียมการมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวบุคคล ผู้สมัคร หรือจะเป็นเรื่องนโยบาย และการเตรียมการด้านอื่นๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากวาระที่เหลืออยู่ คาดว่าในส่วนของประชาธิปัตย์จะมีการปรับ ครม. หรือไม่ จุรินทร์กล่าวว่า ขณะนี้บังเอิญว่า นิพนธ์ บุญญามณี ได้ลาออกจาก รมช.มหาดไทย ส่วนคนที่จะมาแทน หรือว่าจะมีการปรับอย่างไรต่อไป ก็คงเป็นเรื่องที่ตนจะต้องหารือกับนายกรัฐมนตรีก่อน เพราะผู้ที่มีอำนาจปรับ และทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นก็ต้องหารือกับท่านนายกฯ ก่อน
“บังเอิญช่วงนี้ ผมลงมาพังงา แล้วก็กระบี่ จุรินทร์ ออนทัวร์ กระบี่-พังงา ซึ่งวันนี้ก็อยู่ที่ อ.เมืองพังงา มาร่วมเทศกาลกินเจ กินผัก และวันที่ 2 ต.ค. นี้จะไปร่วมงานเทศกาลกินผักที่ท้ายเหมือง จ.พังงา ส่วน 1-2 ต.ค. จะไปงานสัมมนา ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ที่เกาะลันตา จ.กระบี่ หลังจากนั้นถึงจะได้เข้ากรุงเทพฯ ก็คงจะต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสม แล้วท่านนายกฯ ก็คงจะต้องให้เวลาที่เหมาะสมด้วย ก็คงไม่ยากอะไร เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะได้มีการหารือกันกับท่านต่อไป” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวขอให้ฝากถึงกลุ่มประชาชนที่มีความคิดแตกต่างกันในเรื่องวาระการดำรงนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ. ประยุทธ์ รองนายกฯ กล่าวว่า ว่า ตนไม่ขอฝากอะไร แต่ตนเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นจึงมองเรื่องความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ ทุกสังคมที่เป็นประชาธิปไตย ประชาชนก็สามารถมีความเห็นต่างได้ แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์กติกาทั้งหมด เชื่อว่าถ้าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการของกฎเกณฑ์ กติกา ทุกอย่างก็ไปได้ แล้วมันก็มีทางออกของมันเสมอ เหมือนที่ได้เคยเรียนย้ำไป