ที่ สภ.วังสะพุง จ.เลย กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน จ.เลย ยื่นหนังสือให้กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่านผู้กำกับ สภ.วังสะพุง เพื่อขอให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีมาตรการที่มีประสิทธิผล และสอดรับกับสถานการณ์ความเสี่ยง ในการดูแลความปลอดภัย ของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ จากสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น และลงบันทึกประจำวันกรณีที่อาจจะมีการขนแร่และสินทรัพย์เถื่อนออกจากเหมืองทองคำ โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ไม่ทราบฝ่าย ซึ่งก่อนเข้ายื่นหนังสืออย่างเป็นทางการมีความวุ่นวายเกิดขึ้น เมื่อมีชายแต่งตัวมิดชิด ถ่ายรูปชาวบ้านที่เข้ายื่นหนังสือในครั้งนี้แบบประชิดเรียงคน ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัย ซึ่งเป็นนักศึกษาคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาสนับสนุนชาวบ้านเข้าล้อมรอบชายคนดังกล่าวให้แสดงชื่อและบัตรประจำตัวประชาชน หน่วยงานที่สังกัด พร้อมให้แจ้งวัตถุประสงค์ของการถ่ายรูปชาวบ้านในครั้งนี้ ซึ่งในภายหลังชายคนดังกล่าวได้แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะที่ รจนา กองแสน ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน จากกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ กล่าวถึงการเข้ายื่นหนังสือในครั้งนี้ว่า เราได้ต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิดของเรา จากเหมืองทองคำ มาเป็นระยะเวลากว่า 15 ปี จนเราสามารถปิดเหมืองทองคำ ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของเราได้ จนบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองทองดังกล่าว ถูกศาลสั่งให้ล้มละลาย และศาลได้สั่งให้มีการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ทำให้กรมบังคับคดีต้องมาพิทักษ์ทรัพย์ เพื่อเข้าสู่กระบวนการขายทรัพย์ ที่จะนำเงินมาชำระหนี้ให้กับเจ้าหน้าที่ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด และเจ้าหนี้รายอื่นๆ รวมถึงสมาชิกกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด้วย ซึ่งเราในฐานะกรรมการเจ้าหนี้ ได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการเจ้าหนี้ ให้เข้ามาตรวจยึด และทำหน้าที่เวรยาม ดูแลสินทรัพย์และสินแร่ภายในเหมือง เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ กรมพิทักษ์ทรัพย์ นำสินทรัพย์ดังกล่าวไปประมูลขาย เพื่อขายทอดตลาด และนำเงินเข้ากองกลาง เพื่อเฉลี่ยคืนให้กับเจ้าหนี้แต่ละราย
ในปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 ได้มีชายฉกรรจ์ ที่มีลักษณะคล้ายทหารรับจ้าง เข้ามาวนเวียนในพื้นที่ 6 หมู่บ้าน ซึ่งสร้างความหวาดกลัว และความไม่ปลอดภัย ทั้งในร่างกายและทรัพย์สิน เพราะเราไม่ทราบว่า เป็นผู้ใดมาวนเวียนในหมู่บ้าน นอกจากนี้แล้ว ในวันที่ 2-5 มกราคม 2564 ปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคลที่เป็นชายฉกรรจ์ ที่อ้างตัวว่าเป็นคนของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ได้เข้ามาพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจอำเภอวังสะพุง และยังปรากฏชายฉกรรจ์ที่มีลักษณะคล้ายทหารรับจ้าง วนเข้าออกหมู่บ้านและจอดเฝ้ายามในพื้นที่หมู่บ้าน ทั้งๆ ที่ตามกฎหมาย มีเพียงเจ้าหน้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้านจังหวัดเลย และผู้ประมูลสินแร่ได้ เท่านั้นที่สามารถเข้าได้
นอกจากนี้วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจอำเภอวังสะพุง ยังได้นำตู้แดงมาติดตั้งบริเวณทางเข้าเหมืองพิพาท ซึ่งนักปกป้องสิทธิฯ ไม่ได้ทราบจุดประสงค์ในการติดตั้ง และเมื่อนักปกป้องสิทธิฯได้เปิดตู้แดงก็เห็นว่าไม่มีสมุดบันทึกการตรวจเยี่ยม มีเพียงตู้แดงที่ติดตั้งไว้เท่านั้น และหลังจากวันที่ 5 เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้เดินทางมาตรวจตราใดๆ อีก ทำให้เราเกิดความกังวลในเรื่องความปลอดภัยจากความไม่ชัดเจนดังกล่าว
การต่อสู้ที่ผ่านมาของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด ต้องเผชิญความรุนแรงและการถูกคุกคามมาโดยตลอด ที่รุนแรงที่สุดคือ เมื่อคืนวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 นักปกป้องสิทธิฯ ถูกชายฉกรรจ์หลายร้อยคน เข้ามาทำร้ายนักปกป้องสิทธิฯ ถึงในบริเวณชุมชน ทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัสหลายสิบราย จนมีคำพิพากษาลงโทษนายทหารและอดีตนานทหาร และสมาชิกกลุ่มยังถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอีกถึง 27 คดี ทางกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดจึงเกิดความห่วงกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงซ้ำขึ้นอีก เราจึงมีข้อเรียกร้องถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดังนี้
1. ขอให้ ผบ.ตร. ได้สั่งการมาที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย และ สภ. วังสะพุง เพื่อเร่งรัดหามาตรการสร้างความปลอดภัยและมีประสิทธิผลเพื่อดูแลความปลอดภัยของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน จ.เลยและองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ที่สนับสนุนการทำงานของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เพื่อให้มั่นใจว่า จะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ ที่มากระทำต่อนักปกป้องสิทธิฯ ที่ทำหน้าที่ดูแลปกป้องสิ่งแวดล้อม และเฝ้าเวรยามเพื่อพิทักษ์ทรัพย์สินและสินแร่ในเหมืองทอง ในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการเจ้าหนี้ และหนึ่งในคณะกรรมการพิทักษ์ทรัพย์ ในขั้นตอนของการประมูลสินทรัพย์เพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ของบริษัททุ่งคำจำกัด โดยเริ่มจากการมาติดตู้แดงเป็นทางการและส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจตราดูแลความปลอดภัยประจำวัน และประสานงานกับทีมความปลอดภัยของกลุ่มฯ เพื่อร่วมหามาตรการความปลอดภัยในขั้นต่อไป
2. ขอให้ ผบ.ตร. ได้สืบสวนและหาข้อเท็จจริงถึงการเข้ามาของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างว่ามาจากบริษัททุ่งคำ จำกัด ที่มีพฤติการณ์ข่มขู่สมาชิกในชุมชน ทำให้กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดรู้สึกไม่ปลอดภัยและเกรงว่าจะตกอยู่ในอันตรายดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในที่ผ่านมา รวมถึงสืบค้นข้อเท็จจริงต่อในการหามาตรการการป้องกันความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นและหามาตรการปกป้องความปลอดภัยของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน
3. ขอให้ ผบ.ตร. ได้สอบข้อเท็จจริงของพฤติกรรมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังสะพุง ที่ได้เดินทางเข้ามาพร้อมกับกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว และมาติดตู้แดงบริเวณหน้าเหมืองพิพาทเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2564 ว่าเข้ามาด้วยจุดประสงค์ใด ใครสั่งมา และเป็นไปด้วยมาตรการใด
ต่อมา ณรงค์ จีนอ่ำ รองผู้ว่าฯ จ.เลย สายพิรุณ วัฒนวงศสันติ ผู้อำนวยการสำนักงาน บังคับคดีจังหวัดเลย มานิต นวลพับ หัวหน้ากลุ่มอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเลย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เดินทางมาขอพบกับกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดที่หน้า สภ.วังสะพุง โดย มล คุณนา ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิฯ ที่เป็นตัวแทนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ จึงได้ทำการยื่นหนังสือให้กับทุกหน่วยงานโดยในหนังสือที่ยื่นให้กับอุตสาหกรรมจังหวัดเลย เป็นหนังสือที่ขอให้อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอน และกระบวนการในการขนย้ายสินแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัดไขนภาสตีล ที่ประมูลสินแร่จำนวน 190 ถุงได้
โดย มล ระบุว่า ภายหลังจากที่ศาลพิพากษาให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ล้มละลาย และให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ซึ่งกรมบังคับคดีได้ตีตรายึดทรัพย์ ภายหลังจากที่กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการเจ้าหนี้ ให้ทำหน้าที่เฝ้าเวรยาม ดูแลสินทรัพย์และสินแร่ภายในเหมืองทองคำ ซึ่งสถานการณ์ในพื้นที่ตอนนี้ กำลังตกอยู่ในสภาวะความเสี่ยง ที่จะเกิดความรุนแรงขึ้น เนื่องจากบริษัทเอกชนหลายราย สนใจสินทรัพย์นอกรายการ ที่ไม่ได้ถูกตีตรายึดทรัพย์สิน จากกรมบังคับคดีเป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อวันที่ 2 มกราคม เกิดเหตุการณ์มีชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวว่ามาจากบริษัททุ่งคำ จำกัด รวมทั้งจนท. ตำรวจและทหารกว่าสิบรายเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้าน และบุกไปหาชาวบ้านที่ประตูแดง ทางเข้าเหมืองทองคำ ด้วยท่าทีข่มขู่คุกคามชาวบ้านที่เฝ้าเวรยามรักษาทรัพย์สินอยู่ในขณะนั้น
ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2564 บริษัทเอกชนที่ประมูลสินแร่ ได้มีการเอากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทราบสังกัดกว่า 6 นาย เข้ามาในพื้นที่หมู่บ้านและไปข่มขู่คุกคามชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เกิดความหวาดกลัวและหวั่นเกรงต่อความปลอดภัยในชีวิตเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีความไม่ชอบมาพากลและมีกระบวนการลับลมคมในในการจัดการขนย้ายสินแร่ 190 ถุงดังกล่าวมากมาย ซึ่งไม่มีความชัดเจนใด ๆ ในการจัดการสินแร่ว่า จะมีดำเนินการขนย้ายสินแร่ออกไปเมื่อไหร่ อย่างไร แล้วเสร็จกี่วัน และขนส่งสินแร่ดังกล่าวไปที่ไหน อย่างไร และได้มีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสินทรัพย์อื่นในพื้นที่ โดยเข้าไปเคลื่อนย้ายและปรับแต่งกองสินแร่ที่อยู่บริเวณหน้าโรงงานแต่งแร่ที่ไม่ถูกตีตรายึดทรัพย์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ดังนั้น กลุ่มฅนรักษ์บ้าน 6 หมู่บ้าน จ.เลย จึงขอให้หน่วยงานชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนและกระบวนการในการขนย้ายสินแร่ของห้างหุ้นส่วนจํากัด ไขนภาสตีล และดำเนินการตรวจสอบขั้นตอนและกระบวนการดังกล่าวว่าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไร พร้อมทั้งขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนและกระบวนการในการขนย้ายสินแร่ออกจากพื้นที่เหมืองทองคำของห้างหุ้นส่วนจํากัด ไขนภาสตีล ดังนี้
1. ห้างหุ้นส่วนจํากัดฯดังกล่าวจะมีการดำเนินการเปลี่ยนถ่ายถุงบิ๊กแบ็ค (BIG BAG) เสร็จสิ้นเมื่อไหร่ วันไหน อย่างไร โดยจะดำเนินการไปอีกกี่วันจึงจะแล้วเสร็จสิ้น
2. ห้างหุ้นส่วนจํากัดฯดังกล่าวจะดำเนินการขนย้ายสินแร่ ๑๙๐ ถุงบิ๊กแบ็ค (BIG BAG) ออกจากพื้นที่เหมืองทองคำวันไหน เมื่อไหร่ อย่างไร
3. ห้างหุ้นส่วนจํากัดฯดังกล่าวได้รับใบอนุญาตครอบครองสินแร่แล้วหรือไม่ อย่างไร เมื่อไหร่ โดยขอเอกสารหลักฐานการครอบครองสินแร่ดังกล่าว
4. ห้างหุ้นส่วนจํากัดฯดังกล่าวได้รับใบอนุญาตขนสินแร่และใบอนุญาตขายแร่แล้วหรือไม่ เมื่อไหร่ อย่างไร โดยขอเอกสารหลักฐานดังกล่าวทั้งหมด และถ้ายังไม่ได้รับใบอนุญาตดังกล่าวห้างหุ้นส่วนจํากัดฯกำลังดำเนินการอยู่ในขั้นตอนและกระบวนการใด อย่างไร
และเราขอยื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมบังคับคดี เพื่อขอให้มีการตรวจสอบขั้นตอน และกระบวนการในการขนสินแร่ออกจากเหมืองทองคำ และเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัย ให้กับประชาชนในพื้นที่ 6 หมู่บ้าน รอบเหมืองแร่ทองคำ พร้อมทั้งยังได้ร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง ของเจ้าหน้าที่บังคับคดีกองล้มละลาย 3 คนหนึ่ง ที่ไม่ได้ดำเนินการตีตราทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด จนนำมาสู่การทุจริตหรือเอื้อผลประโยชน์ให้เกิดการทุจริต ในการประมูลขายสินทรัพย์ทั้งในและนอกรายการ ของบริษัททุ่งคำ จำกัด อย่างผิดกฎหมาย
ขอให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกิดทางเข้ามารับหนังสือแทนนายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ให้ตรวจสอบและกำกับดูแลเกี่ยวกับขั้นตอนและกระบวนการในการขนย้ายสินแร่ ออกจากเหมืองทองคำ และเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยให้กับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและประชาชน ในพื้นที่ 6 หมู่บ้าน รอบเหมืองทองคำอย่างเร่งด่วน
ขณะที่ พ.ต.ท.วัชระพงษ์ จักรโนวัน รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรวังสะพุง กล่าวภายหลังจากรับหนังสือจากชาวบ้านว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามที่กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดได้ยื่นหนังสือมาทั้ง 3 ข้อ และจะดำเนินการในเรื่องความปลอดภัยให้เร็วที่สุดและให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายต่างๆ ในส่วนของตู้แดงที่ชาวบ้านพบข้อพิรุธในการดำเนินการเพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ไปตรวจและลงบันทึกประจำวันตามหลักปรกติ พ.ต.ท.วัชระพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ก็จะดำเนินการในการไปตรวจด้วยการเพิ่มความถี่ในการตรวจของเราเพิ่มมากขึ้นเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย ขอรับรองว่าหลังจากนี้จะมีมาตรการในการเพิ่มความถี่ในการออกตรวจเพื่อความปลอดภัยของกลุ่มรักษ์บ้านเกิดที่รักษาสิทธิอยู่ที่นั่น และในส่วนของการขนย้ายแร่เถื่อนที่ชาวบ้านมาลงบันทึกประจำวันนั้น ตำรวจก็ยังไม่ทราบเรื่อง หลังจากวันนี้ก็จะจัดเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบตามการร้องเรียกร้องของชาวบ้าน
ด้าน ณรงค์ จีนอ่ำ รองผู้ว่าราชการ จ.เลย กล่าวภายหลังจากรับหนังสือจากชาวบ้านว่า หลังจากที่มีข่าวถึงเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัย ทางผู้ว่าฯ ก็ไม่สบายใจ ได้แจ้งทางนายอำเภอและผู้กำกับสภ. วังสะพุง ในเรื่องการมาตรการรักษาความดูแลรักษาความปลอดภายให้เข้มข้นกว่าเดิม ต้องให้มีมาตรการในการติดตาม รักษาความปลอดภัย อย่างที่ชาวบ้านบอกว่ามีการติดตู้แดงแต่ทำไมไม่มาตรวจตรา ตรงนี้ตนจะไปกำกับดูแลหรือไปกำชับให้มากกว่าเดิม
ส่วนประเด็นที่สอง เรื่องการขายสินแร่ต่างๆ ที่มีส่วนที่ไม่ถูกต้องหรือมีการเคลื่อนย้ายออกไป และจะให้กรมบังคับคดีที่เป็นเจ้าของเรื่อง ให้ไปทำบัญชีทรัพย์สินต่างๆ เพื่อให้เกิดความไว้วางใจกับพี่น้องประชาชน ว่ามีสินแร่เหลือกี่ถุง ประมูลไปแล้วเท่าไหร่ ตรงนี้สามารถให้มีการจัดการเพื่อความโปร่งใส ทางราชการเห็นว่าไม่มีเรื่องราวที่ต้องปิดบังใดๆ ทั้งสิ้น และตนจะรับไว้ว่าจำต้องมีการดำเนินการต่อเพื่อดูว่าทรัพย์สินใดบ้างที่จะขายทอดตลาดโดยกรมบังคับคดี
ประเด็นที่สาม เรื่องการเร่งรัดการขายสินทรัพย์ ตนได้ทราบจากกรมบังคับคดีว่า ทางกรมฯ ได้ขายสินแร่แล้วแต่ยังไม่ได้ขนออกไป จึงยังเป็นปัญหาคาราคาซังอยู่ วันนี้ผมบอกว่าต้องดำเนินการให้เร็ว คนที่ขายเอาเงินมาให้ราชการแล้วต้องดำเนินการให้เร็ว หากสินแร่ยังอยู่ที่เดิม ความไม่ปลอดภัยก็จะยังคงอยู่ ทราบว่าเมื่อซักครู่ ผู้ที่ประมูลได้ จะขอให้ออกใบอนุญาตขนย้ายแร่ภายในวันนี้ ทางอุตสาหกรรมต้องทำให้เร็ว และการขนย้ายต้องทำให้ประชาชนได้มีส่วนรับรู้ด้วย ย้ำว่าจะทำให้ดีที่สุดและทำให้ประชาชนรับรู้ด้วยกัน
ส่วนคำถามที่ว่าผู้ที่เข้ามาขนแร่ อ้างว่าได้เข้ามาเคลียร์กับผู้ว่าแล้วจึงเข้ามาได้ รองผู้ว่าฯ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเด็ดขาด คนที่กล่าวอ้าง ขอให้พี่น้องแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด การกล่าวอ้างดังกล่าว เป็นเรื่องของการอ้างเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์มากกว่า และหากมีการอ้างถึงผู้ว่าฯ ที่ให้เกิดความเสียหาย ผู้ว่าฯ ก็อาจจะดำเนินคดีด้วย และยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแน่นอน
ส่วนในเรื่องของตู้แดงที่มีความผิดปกติ รองผู้ว่าฯ ระบุว่า ได้แจ้งให้ผู้การเข้ามากำกับดูแลเรื่องนี้แล้วรวมถึงนายอำเภอด้วยเพื่อดูแลความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงบ่ายของวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังสะพุงได้เข้าไปทำการติดตั้งดูแดงใหม่ให้กับกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดที่บริเวณปากทางเจ้าเหมืองทองคำ พร้อมทั้งได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูความปลอดภัยในพื้นที่เพิ่มเติมด้วย