Apple Central World คือ Apple Store แห่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเป็นแห่งที่ 2 ของไทย แห่งที่ 4 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแห่งที่ 511 ของโลก โดยการตั้งอยู่ที่บริเวณลานหน้า CentralWorld ติดกับสี่แยกราชประสงค์นี้ถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ มองเห็นวิวได้แบบ 360 องศา และเป็นพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวผ่านมากถึง 146 ล้านคนต่อปี และเพื่อรองรับความหลากหลายของนักท่องเที่ยว ที่นี่มีพนักงานมากถึง 130 คน ซึ่งพวกเขาสามารถสื่อสารได้มากถึง 17 ภาษาเลยครับ
ช่วงเวลาก่อนการเปิดร้านอย่างเป็นทางการวันแรก โจ้มีโอกาสลองใช้เวลาเดินสำรวจรอบๆ รู้สึกได้ว่าบรรยากาศดีมากทีเดียว คือนอกจากบริเวณด้านนอกอาคารจะมีความสะดุดตาไปด้วยกระจกโค้งใสที่สามารถมองเข้าไปข้างในได้จาก 360 องศาแล้ว โดยรอบยังปกคลุมไปด้วยพื้นที่สีเขียวสบายตาจากต้นกระจงที่ปลูกตกแต่งให้ร่มเงาไว้ด้วย แถมยังมีพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจโดยมีม้านั่งตามแบบฉบับของแอปเปิลวางอยู่ตามจุดต่างๆ
ตัวอาคารแห่งนี้ให้ความรู้สึกคล้ายกับ Steve Jobs Theatre มากๆครับ เพราะนี่คือ Apple Store ที่สร้างจากกระจกโดยรอบแห่งแรกของโลก มีทีม Foster and Partners เป็นผู้ออกแบบตัวอาคาร โดยเป็นทีมที่เคยออกแบบ Apple Store มาแล้วมากมาย หนึ่งในนั้นคือที่ 5th Avenue ใจกลางนครนิวยอร์ก ส่วน Blumer Lehmann ทีมวิศวกรจากสวิตเซอร์แลนด์คือผู้ออกแบบ Tree Canopy ที่มีลักษณะคล้ายต้นไม้ที่แผ่คลุมออกไปเหมือนกับหลังคาเต็นท์ขนาดใหญ่
ความพิเศษนอกจากจะเป็นดีไซน์สวยงามสะดุดตาทั้งกลางวันและกลางคืนแล้ว วัสดุที่ใช้ยังถือเป็นไฮไลท์ที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมากด้วย เพราะ Tree Canopy นี้ทำมาจากไม้โอ๊กจริง แต่ละแผ่นออกแบบมาอย่างละเอียด มีความโค้งและความยาวแบบจำเพราะ คือสามารถวางลงล็อกได้เพียงจุดเดียวเท่านั้น คล้ายกับการต่อจิ๊กซอว์ แผ่ขึ้นมาเป็นแกนกลางของอาคารตั้งแต่ชั้นใต้ดินขึ้นไปจนถึงหลังคาสูง ภายในของแกนกลางทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของอาคาร และความเนียนกริบยังไม่จบเท่านั้น เพราะเมื่อมองไปด้านบน ทั้งโครงสร้างของแสงและเสียงก็ถูกฝังอยู่ใน Tree Canopy ด้วย ให้ความรู้สึกที่ไร้รอยต่อที่สุด
ถัดจาก Tree Canopy มาอุปกรณ์ทรงกระบอกสีเงินวาวขนาดใหญ่ตั้งอยู่ไม่ไกลคือสิ่งที่เตะตาโจ้ไม่น้อย นี่คือ 'ลิฟต์' ที่เชื่อมต่อทั้ง 3 ชั้นของอาคารนี้ ด้วยเอกลักษณ์ที่โค้งมน ปิดผิวด้วยสเตนเลสสตีลมันวาวซึ่งให้ความรู้สึกคล้ายกระจกเพิ่มความไฮเทคให้กับบรรยากาศโดยรอบได้ดีมาก
ภาพรวมของดีไซน์ขอยกนิ้วให้ทั้งสองข้าง ความลงตัวของทุกอย่างมันดีมาก การใช้กระจกบานใหญ่สูงหลายเมตรล้อมรอบอาคารให้ความรู้สึกทั้งแกรนด์และหรูหรา พื้นหินสีอ่อนและไม้โอ๊กสีอุ่นละมุนให้ความรู้สึกอบอุ่น และเป็นมิตร ขณะที่สเตนเลสสตีลขัดมันใสวิ้งมอบความรู้สึกไฮเทคและความล้ำสมัยดีสุดๆ
ชั้นบนสุดหรือชั้น 2 คือที่ตั้งของโซนที่เรียกว่า Forum พื้นที่สำหรับการจัดฟังก์ชัน Today at Apple หรือโซนสำหรับการจัดคลาสและเวิร์กชอปต่างๆเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแอปเปิลกับชุมชนครับ ในอนาคตจะมีการเชิญทั้งศิลปินครีเอทีฟ ผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นมากแชร์ประสบการณ์ เป็นการสร้างคุณค่าที่มีมากกว่าแค่การขายตัวผลิตภัณฑ์ของทางแอปเปิล โดยในปี 2019 ที่ผ่านมาพบว่าประเทศไทยมีการจัดคลาสเรียนและเวิร์กชอปต่างๆ ไปมากที่สุดในโลกถึง 4,000 ครั้ง แม้ว่าตอนนั้นเราจะมีแค่ Apple Store สาขา ICON Siam ก็ตาม
ชมชั้น 2 เสร็จแล้วเราลงไปชั้น 1 กัน จะลงด้วยลิฟต์ก็ได้ หรือจะใช้ บันไดวน ก็ไม่ติด ที่นี่มีความไม่เหมือนใครอีกอย่างคือตัวบันได้ครับ ปกติเราจะเห็นบันไดแก้วที่เป็นเอกลักษณ์ของ Apple ที่มีการจดสิทธิบัตรและได้รับรางวัลมาแล้ว แต่ที่นี่เราจะเห็นว่าบันไดวนรอบแกน Tree Canopy เปลี่ยนมาใช้สเตนเลสสตีลท็อปด้วยหินแทน เพื่อให้ล้อไปกับภาพรวม ซึ่งถ้ามองจากชั้นล่างขึ้นมาด้านบนจะเห็นความสวยงามของบันไดได้อย่างชัดเจนครับ
บริเวณชั้น 1 ของ Apple Central World สามารถเดินเข้าทางประตูใหญ่ที่เชื่อมกับลานหน้า Central World ความพิเศษตรงนี้คือพื้นของบริเวณภายในและภายนอกนั้นเชื่อมต่อกันเหมือนไม่มีอะไรมากั้น ให้ความรู้สึกถึงความเป็นส่วนหนึ่งของแยกราชประสงค์ บริเวณนี้เราเรียกว่าโซน Avenue มีสินค้าครบทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ 204 ชิ้นให้ทดลองบนโต๊ะไม้ทรงสวยทั้ง 12 โต๊ะ วางสินค้าขายดีต่างๆของแอปเปิล
นอกจากนั้นก็จะมีอุปกรณ์เสริมทั้งหมดวางโชว์อยู่บนตู้รอบๆ ร้าน และสุดท้ายคือโซน Genious Bar พื้นที่สำหรับให้คำปรึกษาโดยทีมครีเอทีฟและครีเอทีฟโปรจากแอปเปิลมาคอยให้คำแนะนำ ถ้าอุปกรณ์แอปเปิลของเรามีปัญหา จองคิวล่วงหน้าแล้วเข้ามาตรงนี้ได้เลยครับ
ส่วนชั้นใต้ดินหรือ B2 จะเป็นที่ตั้งของ Board Room มีไว้สำหรับการต้อนรับคู่ค้าทางธุรกิจ หน่วยงาน หรือองค์กร ที่ต้องการร่วมมือกับแอปเปิล เพื่อการพูดคุย พร้อมกับห้องน้ำแบบ ‘ไม่ระบุเพศ’ พร้อมให้บริการกับแฟนๆของ Apple กันแล้ววันนี้
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Facebook page: Apple Store Central World ครับ!