วันนี้ (13 พฤศจิกายน 2567) ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะจากพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง เดินทางด้วยเที่ยวบินโดยสารปกติ จากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง มายังท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี เพื่อช่วยหาเสียงให้ ศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี เบอร์ 2 ในนามพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 13-14 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี ที่ ดร.ทักษิณ จะขึ้นเวทีปราศรัย และเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี ที่เดินทางมา จ.อุดรธานี ซึ่งถือว่าเป็นเมืองหลวงสำคัญของคนเสื้อแดง
ทันทีที่ ดร.ทักษิณมาถึง เสียงตะโกน “เรารักทักษิณ” , "รอท่านกลับมา" , "รอมานานกว่า 18 ปี" ดังกึกก้อง จากนั้นมีประชาชนได้รอมอบดอกไม้ และ มอบผ้าขาวม้าให้ ดร.ทักษิณ เพื่อเป็นการต้อนรับแน่นขนัดสนามบิน บางรายเข้าโผเข้าสวมกอดด้วยความปีติ และ ถึงกับร้องไห้ ซึ่ง ดร.ทักษิณ ได้โผกอดและสนทนากับประชาชนที่มารอต้อนรับอย่างเป็นกันเอง
ต่อมา ดร.ทักษิณ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย ณ วัดศรีนคราราม อ.กุมภวาปี โดยมีแกนนำรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ร่วมขึ้นเวทีด้วย โดย ดร.ทักษิณ ทักทายชาวอุดรธานีด้วยภาษาอีสาน ว่า “คิดฮอดพี่น้องคนอุดรฯ หลายเด้อ ” พร้อมกล่าวว่า 18 ปี เพิ่งปราศรัยวันนี้ครั้งแรก วันนี้อยากมาขอบคุณพี่น้องคนอุดรฯ ที่ไม่เคยลืมตัวเองเลย ตั้งแต่ตอนที่นายกฯ วิเชียร ลงเลือกตั้ง นายก อบจ. ตนเขียนจดหมายมา พี่น้องก็เลือกกันถล่มทลาย แต่วันนี้ ป๊อบ หรือ ศราวุธ ลงสมัครเอง ตนมาเอง ไม่ต้องเขียนจดหมาย มาเพราะเป็นห่วงเรื่องปัญหาหนี้สินความยากจน เป็นห่วงคนไทย โดยเฉพาะคนต่างจังหวัด
ตัวเองอยู่เมืองนอก 17 ปี อยู่ได้เพราะว่ายึดหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า รู้จักจิตปล่อยวางไม่ลุ่มหลง แต่ถ้าเห็นอะไร ก็จะพยายามนึกถึงคนไทย และประเทศไทย 17 ปีไม่รู้จะได้กลับมาเมื่อไร แต่ในใจคิดว่าต้องกลับวันนี้ได้กลับมาเจอพี่น้องคนไทยทั้งหมดเป็นความสุขของชีวิตแล้ว
ดร.ทักษิณ กล่าวว่า นายกฯ แพทองธาร มักบอกกับตนว่า เป็นห่วงเรื่องหนี้ครัวเรือน เบื้องต้นการให้เงินคนละ 10,000 บาท เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเริ่มต้นให้ตั้งหลักก่อนและพร้อมกันนั้นค่อยลดหนี้และเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน ให้ได้รับโอกาสที่ดีกว่านี้ ซึ่งเดือนธันวาคมนี้จะบอกกับชาวบ้านว่าจะลดหนี้อย่างไร เพื่อให้ลืมตาอ้าปากได้
สิ่งหนึ่งที่พูดกับลูกก็คือว่าต้องเปลี่ยนทัศนคติของคนไทย อย่ามุ่งเอาประกาศนียบัตร เรียนแล้วเรียนอีกหลายปริญญา แต่ไม่ได้ทำให้ฉลาดขึ้น โลกเปลี่ยน การเรียนอย่างเดียวไม่พอต้องหาความรู้ความชำนาญ ซึ่งนายกฯ แพทองธาร บอกว่าหาตังค์ได้จะมาช่วยเรื่องการศึกษาเด็ก เดี๋ยวจะมาเล่าให้ประชาชนฟัง เพื่อให้เด็กบ้านนอกได้มีการศึกษาที่ดีและได้ไปเรียนเมืองนอกบ้าง
ดร.ทักษิณถามประชาชนว่า ในจังหวัดอุดรธานีมียาเสพติดเยอะหรือไม่ จำได้หรือไม่ว่าตอนตนอยู่ ยาเสพติดหายหมด พร้อมฝากประชาชนไปบอกพ่อค้ายาว่า “วันนี้ทักษิณกลับมาแล้ว ทักษิณเกลียดพ่อค้าขายยา ไม่อยากเห็นหน้าสักคน และไปบอกตำรวจด้วย” พร้อมกล่าวด้วยว่า นางสาวแพทองธารบอกว่าวันนี้เราต้องคุยกับตำรวจใหญ่ ว่าต่อไปนี้ไม่มีการเอาเงินจากการแต่งตั้งโยกย้ายจากลูกน้อง เพราะฉะนั้นยาเสพติดจะหายไปไม่ยากนัก เมื่อก่อนตนจับมือกับนายอำเภอลงพื้นที่ วันนี้นายกฯ แพทองธารจะจับมือนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปปราบยาเสพติด จะเอาให้อยู่
ดร.ทักษิณย้ำว่านางสาวแพทองธารเรียนรู้จากตนเยอะ มีการพูดคุยกันประจำ เชื่อว่าจะเป็นนายกฯ ที่ดี และอาจดีกว่าตน เพราะอายุน้อยกว่า สิ่งที่เขาเห็นตั้งแต่ติดตามตน เรียนรู้จากตน จากโลกภายนอก จะเป็นกำลังสำคัญในการแก้ปัญหาให้ประชาชน เชื่อว่าจะทำให้พี่น้องหายจนแน่ๆ ขอนายกฯ แพทองธารทำงานสักพักแล้วจะเห็นความเปลี่ยนแปลงแน่ๆ มั่นใจว่าพี่น้องชาวอุดรธานีวันนั้นจะยิ้มสวยกว่านี้ยิ้มกว้างกว่านี้ ตอนเลือกตั้งปี 2570 กลับมาอีกที จะเห็นพี่น้องชาวอุดรธานีหน้าตาผ่องใส มีตังค์ใช้แน่นอน
ดร.ทักษิณ ยังพูดถึงนายศราวุธ ด้วยว่า เป็นเด็กมีความรู้ มีความขยัน ความรับผิดชอบ ได้สัมผัสเขาแล้ว คนนี้จะเป็นตัวแทนของพี่น้องอุดรธานีได้เป็นอย่างดี อย่าลืมกาเบอร์ 2 หากไม่รู้ว่าเบอร์ 2 ชื่ออะไรให้รู้ว่าชื่อทักษิณ กาทักษิณ ส่งคุณศราวุธให้เป็นนายก อบจ. เลือกทักษิณ เบอร์ 2
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่ฝาชี ไม่สามารถครอบงำพรรคเพื่อไทยได้ นโยบายของพรรคเพื่อไทย “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” รัฐบาลนี้ไม่กลัวทักษิณครอบงำ กลัวแต่พวกพลังต่างๆ พวกดิอาฆาตเห็นชื่อทักษิณไม่ได้ เห็นแล้วตาขวางตาเหลือก ทั้งที่ลำบากอยู่ต่างประเทศเกือบ 20 ปี นายทักษิณ ทำอะไรไม่ได้ เป็นนายกฯ ก็ไม่ได้ เล่นการเมืองก็ไม่ได้ ขนาดจะป่วยยังไม่ให้ป่วย คุณอายุ 75 จะป่วยบ้างไม่ได้หรือไง การเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเรื่องปกติ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เมื่อมาถึงจุดนี้ คนอุดรธานีต้องพูดคุยแบบจับเข่ากันสักที เราเคยชนะยกจังหวัดแต่พลาดไป 3 เขต จึงต้องมาทวงสัญญา สบตากันว่าเลือกพรรคเพื่อไทยยกจังหวัดให้เห็นอีกสักที ทุกคนเราเลือกมาอย่างดี หาก อบจ. เป็นของพรรคเพื่อไทย จะอยู่ในส่วนของรัฐบาล การบริหารจะสามารถส่งให้พี่น้องชาวอุดรธานีโดยตรง
“นี่เป็นปีที่ 23 ที่เรายืนอยู่บนสายการเมือง เป็นพรรคที่ถูกกระทำมากที่สุด เจ็บปวดที่สุด เป็นพรรคการเมืองที่ถูกปฏิวัติ 2 หน นายกรัฐมนตรีถูกปลด 5 คน ถูกกติกาเอารัดเอาเปรียบ หั่นแข้งหั่นขามาตลอด แกนนำพรรคถูกตัดสิทธิ์ 200 กว่าคน ถ้าไม่ยืนกับประชาชนจริงๆ ถ้าผลงานไม่อยู่ในใจคนจริงๆ ไม่สามารถฝ่าคลื่นฝืนลมมาจนปัจจุบัน ผ่านภัยร้ายอันตรายจนเป็นรัฐบาลในวันนี้ วันนี้ที่ยังยืนอยู่เลือดท่วมตัวแต่ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมตาย เพราะหัวใจคือประชาชน หัวใจคือคนอุดรฯ หัวใจคือคนอีสาน หัวใจเดียวกัน ดังนั้น วันที่ 24 พฤศจิกายน เข้าคูหากาเบอร์ 2 ใบเดียว” นายณัฐวุฒิ กล่าว