วันที่ 4 ต.ค. 2565 จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย บรรจงศักดิ์ วงศ์รัตนวรรณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจพี่น้องประชาชนและหน่วยงานงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือรับมือสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งเป็นผลพวงจากพายุโนรู ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าบนเทือกเขาไหลทะลักท่วมหลายพื้นที่ ทั้งที่ อ.เวียงแหง อ.เชียงดาว อ.ไชยปราการ เส้นทางสายแม่จา-เมืองแหง ดินสไลด์ ไม้ล้มขวางเส้นทาง พาดทับสายไฟฟ้าหลายจุด ตลอดสายทางพื้นถนนด้านล่างทรุดตัวเป็นโพรงขนาดใหญ่ ขณะที่ถนนโชตนา ช่วงระหว่าง อ.เชียงดาว เข้า อ.ไชยปราการ ถนนมีการทรุดตัว สุ่มเสี่ยงต่อการสัญจร สำหรับ อ.เชียงดาว พื้นที่ลุ่มได้รับความเสียหายจากน้ำที่เอ่อทะลักท่วมพื้นที่การเกษตร ดินสไลด์ทับบ้านเรือนประชาชนที่บ้านห้วยตีนตั่ง น้ำพัดคอสะพานขาดที่บ้านห้วยทรายขาว ต.ทุ่งข้าวพวง ส่วนที่ อ.แม่แตง ดินถล่มสร้างความบ้านประชาชนจำนวนมาก นักท่องเที่ยวในเขต ต.เมืองก๋าย ต้องเดินเท้ากว่า 10 กิโลเมตร มาที่ศูนย์ชั่วคราวที่ อบต.เมืองก๋าย เนื่องจากเส้นทางสัญจรเสียหายอย่างหนัก
ขณะที่ ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ศรีเรศ โกฎคำลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ศรีโสภา โกฏคำลือ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากน้ำท่วมตั้งแต่คืนวันที่ 2 ต.ค. 2565 ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ (4 ต.ค.65) โดยพบว่าพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายหนักจากน้ำป่าทะลักลงแม่น้ำปิงจนถนนในท้องถิ่นพัง พี่น้องประชาชนต้องช่วยเหลือกันเองด้วยการสร้างคันกั้นน้ำซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรในท้องถิ่นริมแม่น้ำปิง เพื่อป้องกันการกัดเซาะตลิ่งพังจากไม้ในพื้นที่และเสริมกระสอบทรายเพื่อความแข็งแรง ในเบื้องต้นได้ประสานงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเพิ่มเติมแล้ว
จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนในตัว อ.เมืองเชียงใหม่ หลังถูกน้ำป่าจากดอยเชียงดาวและใกล้เคียงไหล ลงสู่แม่น้ำปิง จนเกินศักยภาพที่แม่น้ำจะรับได้ ระดับน้ำในแม่น้ำปิงสูงสุด ณ วันที่ 3 ต.ค. 2565 อยู่ที่ 4.63 เมตร น้ำล้นตลิ่งจนไหลเข้าท่วมพื้นที่ตั้งแต่คืนวันที่ 2 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา ระดับน้ำเทียบเท่ากับปี 2554 ทำให้ ต.ช้างคลาน ต.ป่าแดด และพื้นที่ใกล้เคียงถูกน้ำท่วม ทั้งเมืองกลายเป็นอัมพาต สถานที่ราชการ วัด โรงเรียน ภาคเศรษฐกิจท้องถิ่น เช่น โรงแรมอนันตรา โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย ไนท์บาซาร์ กาดต้นลำไย ร้านอาหาร ไม่สามารถเปิดทำการได้ การคมนาคมไม่สามารถสัญจรไปมาได้ เกือบ 100%
จักรพล กล่าวอีกว่า ตอนนี้การให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนหยุดชะงักจากกฎเหล็ก 180 วันของ กกต.ที่กลายเป็นอุปสรรค ในภาวะที่พี่น้องประชาชนกำลังตกทุกข์ได้ยาก แต่ผู้แทนราษฎรที่พี่น้องประชาชนเลือกเข้ามาแก้ปัญหา ร่วมทุกข์-ร่วมสุข กลับไม่สามารถช่วยเหลือได้อย่างคล่องตัวและทันต่อความเดือดร้อน ไม่มีเวทีทำงานให้ ส.ส.เขต ตนทำได้เพียงตะโกนไถ่ถามพี่น้องประชาชนหน้าบ้าน และประสานงานหน่วยงานท้องถิ่นซึ่งก็ประสบภัยเช่นเดียวกันเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นไปด้วยความทุลักทุเล ไม่ทันการณ์ เช่น ประสานเทศบาลนครเชียงใหม่นำกระสอบทรายเข้าไปในพื้นที่เพิ่มเติม มีประชาชนส่งข้อความมาทางเฟซบุ๊ค ขอความช่วยเหลือด้านอาหารแห้ง น้ำ และยารักษาเบื้องต้น ทำได้เพียงให้หมายเลขโทรศัพท์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดต่อ เช่น ไฟฟ้า ประปา ฯลฯ หากเปรียบเทียบกับในอดีต วันแรกที่เกิดเหตุจะต้องโดยสารเรืออพยพพี่น้องประชาชนออกจากพื้นที่น้ำท่วมสูง แจกจ่ายถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นไปแล้ว
“น้ำระลอกเดิมที่รอจะไหลผ่านไป รวมกับน้ำระลอกใหม่ เป็นสองระลอก ทำให้น้ำท่วมเกือบเทียบเท่าปี 54 แต่เราทำอะไรไม่ได้ เป็นได้เพียงสารตั้งต้น เป็นโทรโข่ง เรามีทีมงาน ก็ช่วยประชาชนไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้ทำอะไรก็พะวงไปหมด ขยับแล้วจะผิดกฎหมาย สุดท้ายคนรับกรรมคือประชาชน” จักรพล กล่าว
ขณะที่พื้นที่ จ.ลำพูน รังสรรค์ มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน และสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชน หลังจากน้ำปริมาณมากได้ไหลเข้าท่วม 5 อำเภอในจังหวัดลำพูน ได้แก่ อำเภอลี้ อำเภอทุ่งหัวช้าง อำเภอเวียงหนองล่อง อำเภอบ้านโฮ่ง และอำเภอป่าซาง ปริมาณน้ำจำนวนมากสร้างความเสียหายให้กับวัดและโบราณสถานหลายแห่ง พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยด่วน