กระแสสูงคนหนุ่มสาวราษฎรหมดสมัยแล้วหรือยัง ให้เป็นเรื่องของเวลาตัดสิน บทสัมภาษณ์นี้ให้เขาวางความคิดการต่อสู้ลงชั่วคราว และชวนมองย้อนกลับเข้าไปภายใน ทำความเข้าใจอารมณ์ที่ผ่านเข้ามา ทั้งในความทรงจำและอนาคต อันมีแกนหลักว่าด้วยครอบครัว
ชินๆ ชีวิตในคุกมันวนๆ ตื่นตรงเวลา นอนตรงเวลา ดูหนังตรงเวลา กินกาแฟตรงเวลา เล่นกับแมวตรงเวลา น่าเบื่อ แต่ถ้าคุณอยากสโลวไลฟ์ คุณไปติดคุก มันสบายไม่ได้ลำบากแบบแบกหาม แต่มันทำให้เราไม่มีเสรีภาพ
ปกติเราชินกับการเช็กโทรศัพท์ ดูเฟซบุ๊ก ทีนี้มันไม่มีโทรศัพท์ ก็จะแปลกๆ หน่อย ทั้งชีวิตผมติดมา 3 ที่แล้ว เรือนจำเชียงใหม่ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มันชิน เจอเพื่อนเก่า เจอลูกความเรา ก็ดูแลกันไป
มันทำให้ไม่มีกำแพงกั้นกัน รู้สึกดีนะ เหมือนเราไม่ได้อยู่คนละโลก คุณจะรู้สึกว่าคุกมันไม่มีกำแพง คุณจะเข้าไปเจอเขาก็ได้ หรือจะออกมาก็ได้ คุกมันมีทั้งคนเอาเปรียบ คนเห็นแก่ตัว ในขณะเดียวกันมันก็มีมุมที่มีน้ำใจ
ตอนผมติดปี 2020 ต้องไปกักตัวอยู่ด้วยกันประมาณ 14 วัน นอนห้องเดียวกันประมาณ 30 คนได้ พอครบช่วงกักตัว เราก็จะกระจายไปแต่ละแดน พอกระจายแล้วคุณก็จะมีเพื่อนอยู่ทุก เพื่อนของคุณที่กระจายไปตามแดนต่างๆ จะเป็นหน้าที่เป็นพ่อครัวอยู่โรงเลี้ยง ทำความสะอาด ทีนี้พอเราได้ประกันตัวออกไป แล้วโดนจับเข้าไปใหม่ เราก็จะได้ไปเจอเพื่อนเก่า มันก็แบบ “เอ้า เป็นไงบ้าง”
เข้าไปตอนแรกผมไม่มีนม ไม่มีแปรงสีฟัน เขาก็จับยัดใส่มือให้ มันเป็นน้ำใจของคนที่อยู่ในคุกด้วยกัน เป็นมิตรภาพ ผู้คุมบางทีเขาก็ไม่แสดงออก ผมอ่อนน้อมถ่อมตน พูดคุยธรรมดา พอกลับจากศาล เขาก็ให้กล้วยมากินๆ เวามีน้ำปลาร้า เขาก็แบ่ง แดนที่ผมอยู่มันมีบ่อปลา มีปลูกผักกัน พวกไมค์ เพนกวินก็ไปเอาผักเขามาต้มกิน ตกปลาเขามาได้ ก็ไปฝากให้นักโทษด้วยกันช่วยทอดให้หน่อย สนุกอยู่
คนที่ปลูกผักเขาโดนคดีสลากกินแบ่ง เป็นคนอีสาน เขาทำโครงการคล้ายๆ กับโคกหนองนา เราก็ไปขอผักมาทำข้าวต้ม ไอ้ไมค์ไปไถกระเทียม คือข้างในมันมีแหนมขาย แต่ไม่มีกระเทียม เราก็เลยไปไถมา “หัวหน้าขอกระเทียมหน่อย” (หัวเราะ) วันรุ่งขึ้นก็ได้มา ผู้คุมให้มา 2 กิโลฯ
จริงๆ โดยสภาพมันไม่ได้สนุกนะ แต่คุณต้องหัดมองโลกในแง่ดี ถ้าคุณเข้าไปจะเข้าใจ ข้างในมันมีที่นั่งเป็นเคาน์เตอร์ ตรงข้ามเคาน์เตอร์มันเป็นบล็อกเอาไว้นั่งขี้ คุณต้องสามารถนั่งขี้แล้วมีคนเดินผ่านไปผ่านมาแล้วคุยกับเขาได้ นึกออกมั้ย อยู่ข้างนอกคุณไม่มีทางทำได้หรอก มันเป็นเรื่องที่น่าอาย บล็อกก็สูงแค่สะดือ คุณนั่งขี้อยู่ ใครผ่านมาก็คุยกัน “เอ้า เป็นยังไง” คุยกันแบบนี้
เออ มันก็เป็นชีวิตอีกแบบหนึ่ง เป็นข้ออ้างเรื่องความปลอดภัย เข้าใจได้นะ สมัยก่อนมันคงมีคนไปทำเรื่องอะไรที่ไม่ค่อยดี แต่ด้วยความที่มันเป็นคุกผู้ชาย อยู่ไปๆ ความอายจะค่อยๆ ลดลง แรกๆ นี่อายนะ นั่งขี้ต้องหาอะไรมา เพราะไม่รู้ว่ามีใครมามองเรารึเปล่า พอคุณอยู่ไปสักพัก มันไม่มีใครสนใจหรอก
ปะปน ผมไปเจอคดีฆ่า คดีปล้น อยู่ด้วยกันปกตินะ มีอะไรก็แบ่งกัน ชวนกัน อย่างเสาร์-อาทิตย์มันเป็นวันพักผ่อน เขาเตะฟุตบอลกัน ผมเตะไม่เป็นหรอก ผมไปกระโดดเชือกแทน ไอ้ไผ่ก็ไปเตะบอล ทุกคดีได้เจอกัน ทุกคนมีงานประจำ คนนั้นอยู่โรงเลี้ยง ไอ้นั่นดูห้องส้วม ไอโน่นดูแลโรงนอน เป็นชีวิตแบบนี้
เขาเข้าใจว่ามันเป็นคดีการเมือง เขาให้เกียรติ แต่ก็กิน นอน ขี้ อยู่ด้วยกัน แต่เขาจะไม่มาวุ่นว่ายเวลามีอะไรสงสัยในคดีตัวเอง เขาก็มาขอให้ช่วย มาปรึกษาคดี เพราะเราเป็นทนาย
มีบางคน ผมติดแดนเดียวกับเขา โดนคดีฆ่าคนตาย ตอนนี้สู้คดีอยู่ ช่วงปีใหม่แกก็สั่งอาหารมาเลี้ยงทั้งแดน เงิน 2 หมื่น สำหรับแกก็คงไม่เยอะหรอก แต่สำหรับผู้ต้องขังที่ไม่มีเงิน การได้กินอาหารดีๆ มันมีความหมาย
เขาพูดทำนองว่า การที่เราเข้าไป เขารู้สึกสบายขึ้น อาหารการกินดีขึ้น เพราะเข้าไปรอบแรก ไอ้ไผ่มันบ่นว่าอาหารแม่งแดกไม่ได้ คุกก็มีการพัฒนาขึ้น ไอ้ไมค์ก็เป็นการเมืองไง สมัยก่อนถ้าป่วยขึ้นมาขอยายากนะ ไอ้ไมค์ตะโกนโวยวาย “ไอ้เหี้ย! ขอยาหน่อย” มันเร็วขึ้น ทุกอย่างดีขึ้นเมื่อพวกเราคดีการเมืองเข้าไป ผู้คุมเขาก็ดีนะ เขาก็รู้สึกว่าเออ ช่วยกันส่งเสียงให้ผู้บริหารได้ยินก็ดี เหมือนมีนักข่าวอยู่ในเรือนจำ มีสปอทไลท์มากขึ้น
ผมก็อาศัยความที่มีสถานะช่วยคนอื่น พูดง่ายๆ คือจัดตั้งมวลชนไปด้วย เช่น ปกติคุกจะให้นอนผ้าห่ม 3 ผืน เอามาปูผืนนึง นอนหัวผืนนึง ห่มผืนนึง แล้วมีช่วงปีใหม่ที่มันหนาว เราก็ขอผ้าเพิ่ม เขาก็เอามาให้ แต่คนอื่นที่เป็นโนเนมไปขอเขาไม่ได้ เราก็ขอมาเผื่อพวกเขา พอเราเข้าไปรอบสอง เขาก็มาช่วยดูแล ซักเสื้อผ้าให้ ก็จะสบายหน่อย เวลาจัดที่นอน เขาก็จัดให้มันอยู่หัวห้องหน่อย ไม่ได้นอนดมขี้ ดมเยี่ยวใกล้ห้องน้ำ
กลางคืนมันเงียบ ถ้านอนไม่หลับ ผมก็หาอะไรให้มันฆ่าเวลาไป ผมติดคุกแล้วผมอ่านหนังสือมากที่สุดในชีวิตแล้ว เพราะมันไม่มีอะไรทำ ผมอ่านของโกวเล้งจบเป็นเล่มๆ นะ เดียวดายใต้เงาจันทร์ ที่เรืองรอง รุ่งรัศมี แปล ผมชอบมาก เล่มบางๆ ผมอ่านชั่วโมงเดียว
เล่มนี้มันมีประโยคนึง “ความอ่อนโยนคือมีดาบเล่มหนึ่ง” เออ คิดได้ยังไงวะ ผมอิ่มเอมอยู่เป็นอาทิตย์ แล้วก็ตามอ่านนิยายกำลังภายในของโกวเล้ง ผมว่ามันเท่ นิยายเขาอารัมภบทไม่เหมือนนิยายไทย นิยายไทยเวลาบรรยายกลางคืนมีฟ้ามีดาว อะไรไป แต่โกวเล้งมา “วิกาล”คำเดียวเลย มันมืดแบบมืดตึบ จอมยุทธ์มาก็มาแบบแดกเหล้าทั้งเรื่อง
เคยขอผู้คุมนะ แต่เขาบอก “ไม่ได้ๆ” ส่วนอะไรที่มันให้ได้ เขาให้หมด
การติดคุกมันทำให้ระลึกความหลัง คุณจะฝันถึงผู้หญิงที่คุณเคยรักทุกคนตั้งแต่เกิดมา ผมติดทุกครั้งฝันทุกครั้ง ฝันถึงแฟนหรือคนที่คุณไปแอบชอบตอนเป็นเด็กจนมัธยมถึงมหา’ลัย แปลกมั้ย
มันไม่ได้คิดถึงเขาขนาดนั้นนะ ไม่ใช่เรื่องการห่วงหาอาลัยหรอก เหมือนกับระลึกชาติน่ะ เวลานิ่งๆ มันระลึกของมันเอง
มีฝันถึงลูกบ้าง ฝันว่าได้กลับบ้านไปเจอลูก แต่สักพักมันรู้สึกเหมือนกับว่า “กูติดคุกอยู่นี่หว่า” เออ ในฝันก็เข้าไปกอดลูกแล้วก็ร่ำลากัน ขอกลับก่อนนะ
ตอนคุณเริ่มฝัน ยังไม่รู้ว่าคุณติดคุกใช่มั้ย แต่สักพักมันเหมือนจะสติสัมปชัญญะกลับมา คุณรู้ตัวว่าคุณฝัน
แม่ไม่ค่อย ฝันถึงยายมากกว่า เหมือนเป็นอะไรบางอย่างที่อยู่ในจิตใต้สำนึก เพราะเด็กๆ ผมอยู่กับตากับยาย ส่วนพ่อกับแม่มาทำงานกรุงเทพฯ
เวลาผมฝันถึงอดีต ผมฝันถึงบ้านหลังเดิมที่เขารื้อไปแล้ว มันระลึกชาติกลับไปคิดถึงอะไรบางอย่างแบบตอนเราค้นลิ้นชัก
มันมีคำพูดที่ว่า “พ่อแม่ปู่ย่าตายายมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างความทรงจำให้กับลูกหลาน” แค่นั้น ผมว่าอันนี้ก็จริง เรารู้สึกว่าเราคิดถึงเขา เป็นความรู้สึกที่เป็นความทรงจำ โหยหาอะไรที่เอากลับมาไม่ได้แล้ว เป็นทุกข์แบบอึนๆ เป็นความคิดถึงแบบ... ถ้าคุณมีภาวะศิลปินหน่อยคุณจะรู้สึกดีกับอารมณ์นี้
ตายายผมเป็นชาวนา ทำนาแบบของแท้เลย ผมก็ทำนามาจนถึงมัธยม จนเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ ผมยังทันตอนที่เขาเอาควายไถนาอยู่
ใช่ ผมเกิดในยุคที่เส้นแบ่งของความเป็นสังคมเก่ากับใหม่ ผมสังเกตจากไส้เดือนเว้ย ตอนผมเด็ก ในทุ่งนาไส้เดือนมันเยอะมาก เวลาคุณปักดำ คุณจะเจอไส้เดือนตัวเท่านิ้วก้อย ยาวๆ หน่อย เด็กในเมืองไปเห็นมีอ้วกแตกนะ มันเยอะจริงๆ
จำได้ว่าช่วงผมมัธยมต้น มันหายไป หายแบบไม่มีเลยนะ เพราะมันมีพวกสารเคมีเข้าไป ไส้เดือนมันตาย นี่คือเส้นแบ่งสังคมในความทรงจำผม จากนั้นควายเหล็กเข้ามา มีรถไถ รถเกี่ยวข้าว รถสีข้าว เคียวคุณแทบจะไม่ใช้แล้ว รถเกี่ยวข้าวเข้ามาเกี่ยว เกี่ยวเสร็จปุ๊บก็นวดไปในตัว ได้ข้าวเปลือกมาเอาออกขายได้เลย
แม่มาช่วงประถม แต่พ่อมาตั้งแต่เกิด แม่ผมเย็บผ้า พ่อขับแท็กซี่ ตอนนี้ก็ยังขับอยู่นะ ช่วยน้องสาว เพราะน้องสาวเพิ่งดาวน์แท็กซี่ออกมา พอเข้าช่วงฤดูเก็บเกี่ยวเขาก็กลับบ้าน
สมัยก่อนกลับบ้านนานหน่อยเป็นเดือนๆ แต่พอไม่ได้ใช้แรงคนแล้ว เขาก็ใช้วิธีการฝากเงินกลับไปเพื่อไปจ้างคนในพื้นที่ นี่ก็ทำให้คนมันห่างเหินกันมากขึ้น
สนิทน้อยกว่าตายาย ตอนนี้เหลือแต่ยายแล้ว เรามีเวลาอยู่ด้วยกันช่วงปิดเทอม ช่วงที่เขากลับบ้านไปทำนา ปิดเทอมเราก็มาเที่ยวกรุงเทพฯ นั่งรถเมล์เที่ยวแถวธรรมศาสตร์ เดินเล่นสนามหลวง
ความสนิทกับพ่อแม่ของผมจะต่างกับตากับยาย ผมอยู่กับตายายเป็น 20 ปี แต่กับพ่อแม่เราไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน ความห่างเหินจะมี ช่องว่างเยอะ ผมคิดว่าคนเป็นพ่อแม่ไม่รู้สึกว่าหางเหินหรอก แต่ความเป็นลูกมันต้องการอะไรบางอย่าง มันเลยรู้สึกว่ามีช่องว่างอยู่
ใช่ พอมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ เราก็มีโลกของเรา
แต่พอมาช่วงที่ผมติดคุก มันทำให้รู้สึกว่าเขารักเรามากขึ้น ก่อนนั้นมันห่างๆ กันไปใช่มั้ย ทั้งโดยอาชีพผมอาชีพเขา แต่การที่ติดคุก พ่อแม่ไปที่โรงพัก ไปเฝ้าในม๊อบ ดูอยู่ห่างๆ มันเหมือนทำให้ความรักกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะพ่อเนี่ย ไม่ได้สนิทมาก การที่เราเห็นเขามาที่ศาลมันทำให้รู้สึกว่ากูมีพ่อแบบพ่อจริงๆ ว่ะ หลังจากที่มันห่างเหินกันไปโดยภารกิจของแต่ละคน การที่แม่มาเยี่ยมที่ศาลมันให้ความรู้สึกว่าครอบครัวเรายังอยู่ ที่ผ่านมาคุณอาจหลงลืมหรือตกหล่นความรู้สึกนี้ไปสักพักนึง แต่พอมันเกิดเหตุการณ์ขึ้น ความรู้สึกก็กลับมาเหมือนเดิม
ผมว่าช่วงที่ผมโดนจับไป สน. คนที่ไปถึงคนแรกๆ คือพ่อแม่นะ แล้วญาติๆ พี่ป้าน้าอาเข้าไปโอบกอดกัน เวลาปล่อยตัวเขาก็มาถ่ายรูปด้วย มันทำให้เห็นความเป็นครอบครัวกลับมา
ไม่ใช่เฉพาะผมนะ ไอ้ไมค์ก็ด้วย ไมค์ทะเลาะกับแม่ประจำ แต่แม่เขาก็ไปหาตลอด เหมือนกับพอเราทุกข์แล้ว เขาก็มาร่วมทุกข์ร่วมสุขน่ะ เพื่อนสมัยมหา’ลัยก็ไปเยี่ยม ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันแต่เป็นเพื่อนที่ร่วมอุดมการณ์
เวลาไปศาล กลับมาถึงเย็นๆ รถเลี้ยวเข้าเรือนจำ ตรงหน้าเรือนจำก็มีพี่น้องเสื้อแดงไปร้องเพลงให้กำลังใจทุกวัน มันเห็นความเป็นภราดรภาพ
บางทีน้องเรือนจำมันพูดกับผมเสมอว่า “เฮ้ยพี่ เราติดคุกอย่างนี้ พี่คิดว่าคนข้างนอกเขาจะทำอะไรต่อมั้ย” ผมบอก “คุณต้องเชื่อเพื่อนข้างนอก ทุกคนจะไม่หยุดนิ่ง”
คือมันสร้างความสัมพันธ์กัน มันไม่ใช่วงเหล้าที่กินจบแล้วหายไป แต่เป็นมิตรภาพที่ยืนยาว อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ แก่แล้วก็ยังไปยืนชูรูปพวกเรา เรียกร้องปล่อยตัว บางวันที่ฝนตกก็ยืนตากฝนกันไป หลายคนที่ไม่ได้รู้จักเลย แค่เขาก็มาต่อสู้โดนคดี 112 เหมือนกัน มีน้องที่โดน 112 จากกรณีสถานทูตเยอรมัน เขาไปเรียกร้องให้ปล่อยตัวเรา พอตอนเขาโดนจับขึ้นศาล ในห้องพิจารณา เขากีดข้อมือตัวเองเลือดไหล โดนคดีละเมิดอำนาจศาลอีก เขาว่า “แด่อานนท์ เพนกวิน” นี่เป็นภราดรภาพที่ที่ไม่ใช่พูดกันเล่นๆ
เขาเก็ต เขามีแก๊งแม่ๆ ป้าๆ เวลาไปไหนมาไหนจะไปด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ไปศาล ไปยืน เราก็คุ้นหน้าคุ้นตา เป็นครอบครัวพี่น้องเสื้อแดง
ไม่ได้ปากหวานนะ แต่มันรู้สึกว่าถ้าผมแต่งงาน ผมก็จะเชิญคนพวกนี้ไป ทั้งที่มันไม่ได้รู้จักกันแบบญาติ แต่มันรู้สึกร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา พวกป้าๆ พวกนี้ไปนอนเฝ้าที่บันได สน. นอนค้างคืนเป็นเพื่อน มันโรแมนติกมั้ย
วันที่ยื่นประกันตอนช่วงก่อนปีใหม่ มันมีข่าวว่าจะได้ประกัน ยายผมแกมาจากร้อยเอ็ดเลย กะมารับหลานเต็มที่ มาแล้วแกก็ไม่ได้เจอ เพราะสุดท้ายไม่ได้ประกัน ก็เฟลไป มันมีอารมณ์นี้อยู่ ถ้าสมัยที่ผมเป็นทนายความ ผมจะเอามาขยี้ต่อให้มันดราม่านะ แต่พอมันโดนกับตัวเองปุ๊บ มันจุกว่ะ
รู้ เขาเป็นห่วง ด้วยความที่เขาเป็นชาวบ้าน คือคุกสำหรับคนทั่วไปมันหมายถึงคุกน่ะ คุกมันต้องลำบาก แออัดแบบคุกขี้ไก่ แต่ความเป็นจริงไม่ถึงขนาดนั้น ที่เราเข้าไปมันเป็นคุกค่อนข้างสมัยใหม่ เหมือนเราไปเป็นทหารเกณฑ์น่ะ
จริงๆ ที่บ้านผมเขาเป็นห่วงตั้งแต่ทำสมัยคดีเสื้อแดงใหม่ๆ แล้ว โดนทหารตาม แต่เรายังไม่โดนคดีเอง แต่เขาก็เป็นห่วง ไม่ได้เป็นห่วงมากเท่าวันที่เราโดนคดีเอง วันนี้เขาห่วงมากขึ้น แต่เขาก็มีความหวังว่ามันคงไม่ได้ติดคุกนานหรอก ติดเพื่อรอวันออก
ผมว่าเขาไม่ได้รู้ถึงขนาดนั้น แต่เขาคงรู้ว่าวันหนึ่งเพดานการพูดจะสูงขึ้น พ่อกับแม่ผมไม่ได้เรียนสูงถึงขนาดจะรู้อะไรที่เป็นวิชาการนะ แต่เขารู้ว่าไอ้ขบวนคนรุ่นใหม่นี้จะไปถึงจุดนั้นแน่
เขาก็พยายามพูด “ถ้าอะไรที่ไม่จำเป็นต้องพูด ไม่ต้องพูดก็ได้” มันมีความเป็นห่วงของคนเป็นพ่อเป็นแม่อยู่ แต่เราก็รู้สึกว่า เขาพร้อมที่จะซัพพอร์ตด้วยนะ เวลาเราเห็นแม่กับพ่อตัวเองไปยืนเรียกร้องเพื่อปล่อยลูก เออมันเป็นความรู้สึกที่คุณหาไม่ได้หรอก เราจินตนาการไม่ถูกด้วย คุณเห็นเพื่อนหลายคนที่คุณอาจจะหลงลืมไปจากความทรงจำนะ เขากลับมาพูดถึงเรา เขียนถึง มันเป็นความรู้สึกที่คนจินตนาการไม่ถูกหรอก คุณต้องลองไปสัมผัสดู
คนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวัน ต้องเจอหน้าทุกวัน ทำนามาด้วยกัน แล้วก็เขารู้ทุกอย่างในชีวิตคุณ รู้ว่าคุณไปทำอะไร ผมก็รู้ว่าลึกๆ เราเป็นเด็กในสายตาของเขาเสมอ มันจะมีคนอยู่ไม่กี่คนในชีวิตคุณหรอกที่จะรู้ว่าคุณชอบกินอะไร ชอบอะไร มันจะมีคนอยู่ไม่กี่คนที่รู้สึกว่านั้นแหละคือที่สุดของชีวิต
สมัยประถมเนี่ย คุณจะมีบรรยากาศแบบกลับมาบอกเขาว่า “วันนี้สอบได้ที่ 1 นะ” เป็นตัวท๊อปของโรงเรียน ของหมู่บ้าน เป็นตัวที่ทำให้ครอบครัวภูมิใจ ตอน ป.6 ผมสอบได้โรงเรียนประจำจังหวัด กลายเป็นเด็กบ้านนอกที่ได้ไปโรงเรียนในเมือง พอจบ ม.6 ปุ๊บ มีวันนึงผมเดินไปบอกเขาว่า “ผมติดธรรมศาสตร์” เขากภาคภูมิใจ พอจบปริญญาตรี จบเนติบัณฑิต มันเป็นอะไรที่เขารู้สึกว่าเราเป็นคนที่ทำให้รู้สึกว่ามีความสุข
โดน แต่น้อยมาก ผมตอนเด็กๆ นี่สามารถเรียกร้องให้เขาซื้อ Talking Dict ให้ได้ สมัยก่อนมันไม่ใช่ถูกนะ เป็นของที่มันไฮโซพอสมควร ไฮโซกว่าโทรศัพท์มือถือด้วยซ้ำ ใครมีนี่อื้อหือนะ ลูกชาวนาแบบผมถือไปโรงเรียนได้ แบบนี้เหมือนกับตามใจมั้ย ผมคิดว่าเขาพร้อมจ่าย ถ้าเราเอ่ยปาก
ผมเป็นเด็กเรียนในสายตาของครอบครัว แต่ในสายตาของเพื่อนผมเป็นเด็กฉลาด เรียนเก่ง แต่เป็นคนดื้อ
ตั้งแต่มัธยมเป็นคนเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ไม่เว่อร์เป็นอัจฉริยะนะ แต่เพื่อนรู้ว่าไอ้นี่เป็นคนขี้เมา กินเบียร์ตั้งแต่ ม.ต้น ผมเมาแล้วพรุ่งนี้ไปสอบได้
ผมจะมีแก๊งของผม ม.ต้น มันจะเป็นเด็กเรียนหน่อย พอ ม.ปลายนี่เรียนอยู่ห้องท้าย แต่เกรดดี เป็นประธานนักเรียน มีเพื่อนเป็นนักเลงในเมืองร้อยเอ็ด เวลาไปเที่ยวผับ มีเพื่อนอารมณ์แบบไม่ต้องกลัวใครมาตีคอยดูแล
ทุกวันนี้ก็ยังฝันอยู่นะ ฝันว่าตัวเองได้กลับไปเรียนมัธยม เหมือนกับมีอะไรค้างคาอยู่ เป็นช่วงเพาะบ่มกับเพื่อน เพราะมหา’ลัยผมไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนมาก พอไปเข้าธรรมศาสตร์แล้วผมก็ออกไปเรียนราม เพื่อนมันก็ห่างๆ ไป
ตอนผมเป็นประธานนักเรียนก็จะพูดหน้าเสาธง มันมีไอเดียนึงที่อยู่มาถึงปัจจุบันก็คือเรื่องฝ่ายซ้าย แต่ผมไม่ได้เป็นพวกเข้มข้นอะไรนะ คุณคงเข้าใจว่าคนที่เป็นวัยรุ่น เวลาพูดเรื่องพวกนี้แล้วมันเท่ พูดเรื่องจิตร ภูมิศักดิ์ ฟังคาราวาน ถือมติชนสุดสัปดาห์ไปโรงเรียน ผมว่าตอนนั้นมันเท่
ได้จากเพลง สมัยก่อนมันมีวิทยุที่อัดเทปได้ พอคุณฟังเพลงปุ๊บ ถ้าคุณชอบเพลงไหน คุณก็ไปกดอัดไว้ ระหว่างที่เพลงมันออกออากาศ ดีเจก็พูดว่าเพลงนี้ใครเป็นคนแต่ง อย่างคุณฟังเดือนเพ็ญ เขาก็บอกว่านายผี เป็นคนแต่ง คุณก็ไปค้นต่อที่โรงเรียน ใครเป็นนายผี มันมีหนังสืออะไรบ้าง ก็ไปเจอจิตร ภูมิศักดิ์ คือใครวะ คนได้ยินแต่น้าหงา คาราวาน (หัวเราะ) พอปิดเทอมเรามาเที่ยวธรรมศาสตร์ มันก็เชื่อมโยง เออ อิ่มเอมใจ
เพื่อนบอกอะไรวะ เท่ มันฟังสตริง พอเห็นเราฟังเพื่อชีวิตมันก็เออ เข้าใจว่าเป็นพวกมีอุดมการณ์ไป
พอคุณมาทางนี้มันจะลามไปหมด ทั้งเพลง หนังสือ ประวัติศาสตร์
ถ้าเป็นสถานการณ์แบบช่วงนี้ของสมัยก่อนแล้วมีอินเตอร์เน็ตนะ ผมว่าผมได้อ่าน ได้รู้เรื่องมากกว่านี้ สมัยก่อนมีไม่กี่อย่างหรอก หนังสือ ทีวี เต็มที่ก็วีดิโอที่พอหาดูได้
มันเป็นสันดานของคนที่เข้าใจว่าตัวเองเป็นกวี หรือไม่ได้เป็นกวีหรอก แต่เข้าใจว่าแต่งกลอนได้ พอดื่มแล้วเป็นกวี มันมาด้วยกัน
สมัย ม.ต้น คุณไม่มีทางเดินไปซื้อเหล้าเองได้ แต่บ้านผมมันขายของชำไง ผมก็แอบเอาเข้าไปกินบนห้อง
ผมคิดว่าน่าจะรู้นะ มันก็ชิลนะ หัดกินเอง กินบนห้องเลย ครั้งแรกผมยังจำได้ว่าเอาสไปรท์ผสมเบียร์ ต้องผสมเพราะมันขม เฮ้ย ครั้งแรกมันไม่ได้อร่อยนะ
สักพักนึงมันก็กินด้วยกัน ชวนกันไปเที่ยว เพื่อนผมมันอยู่ต่างอำเภอ เรียนมัธยมอยู่ในเมือง เวลาเราไปเที่ยวคือเข้าเมืองร้อยเอ็ด ผมเด็กต่างอำเภอเข้าเมือง พอมาเที่ยวปุ๊บ มาเจอเพื่อนที่อยู่ในเมือง ไอ้เพื่อนเราที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันบอก “ไอ้นี่มันกว้างขวางเว้ย” มันจะไม่ได้กว้างขวางยังไง กูเรียนในเมือง
ก็ดี รู้สึกดี ปลอดภัยด้วย ผมมันมีเพื่อนเป็นอีกแบบ การที่มีเพื่อนเป็นนักเลงหัวไม้ดีนะ ปลอดภัย ในโรงเรียนไอ้ประเภทชอบนักตีกันนี่คุณไม่ต้องไปกลัว เพื่อนเคลียร์ให้หมด
คุณจะเป็นอะไรบางอย่างที่เพื่อนคุณเกรงใจ เพราะเพื่อนมาลอกข้อสอบคุณ ลอกการบ้าน ไอ้พวกที่มันเกเรมันจะเกรงใจ แล้วยิ่งคุณเป็นคนที่มีเงินหน่อยนะ มันเป็นทุนอะไรบางอย่างที่เพื่อนคุณยอมคุณ กินเหล้าก็กินด้วยกัน เป็นมิตรภาพ
ไม่ พวกตีกันแบบนี้มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป มันมีหลายเรื่องที่เข้ามาแล้วก็ลืมๆ ไป ข้อดีของเด็กต่างจังหวัดคือทุกเดือนจะมีงานบุญ มันเยียวยามุมร้ายๆ ให้ผ่านไป
สมัยตอนเป็นเด็ก หน้าบ้านแต่ละบ้านจะมีตุ่มดินใส่น้ำ คุณไปกินน้ำฟรีได้ทุกบ้าน หรือเวลาบ้านใครทำกับข้าวเสร็จ ถ้าเราผ่านไปพอดีก็กินด้วยได้เลย ตอนนี้มันไม่มีแล้ว แต่ว่าประเพณีมันยังอยู่ ทุกเดือน 6 คนในหมู่บ้านต้องกลับบ้านไปทำบุญไหว้ปู่ย่าตายาย ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรืองานบุญบั้งไฟ
มันเติมเต็ม ผมว่าทำให้คิดถึงบ้านมากขึ้น อยากกลับบ้าน ตอนที่ทำคดีให้คนอื่นไม่เท่าไหร่ พอมาเป็นจำเลยเองมันรู้สึกจริงๆ ต้องถนอมตัวเองมากขึ้น ถ้าไม่มีลูก ไม่มีเมียนะ โอ้.. ไปไกลแล้ว พอมีอะไรเข้ามาบ้าง มันรู้สึกยั้งกว่าเมื่อก่อน
โชคดีที่แฟนผมมาทางเดียวกัน โชคดีไปกว่านั้นคือพ่อตาแม่ยายก็เป็นฝั่งประชาธิปไตย ไม่ใช่เสื้อแดงนะ เป็นเสื้อเหลือง แต่เขาก็มาฝั่งนี้ ตอนผมติดคุก เขาก็มาอยู่เป็นเพื่อนลูกสาว มาอยู่เป็นเพื่อนหลาน มันไม่มีช่องว่าเรื่องทัศนคติ
ไม่ ผมว่ามันทำให้คุณต้องคิดละเอียดขึ้น ไม่ใช่ว่าคุณต้องกลัวนะ ต้องคิดละเอียดว่าถ้าคุณทำอย่างนี้ไปคุณจะสู้แบบนี้ยังไง พูดง่ายๆ คุณต้องไม่ตายน้ำตื้น ต้องคิดมากขึ้น
สมมติคุณด่าโต้งๆ เวลาสู้คดีมันหลุดยากไง พอมีลูกมันทำให้เรายั้ง อย่างน้อยๆ คุณต้องตอบลูกให้ได้ว่า “พ่อไม่ได้ชั่วนะ”
ตอนผมติดคุก ลูกผมยังบอกกับแม่ว่าจะไปช่วยพ่อออกจากเรือนจำ เวลาไปโรงเรียนเขาก็ไปเล่าให้เพื่อนฟังว่าพ่อเราอยู่ในคุกนะ ครูเขาก็รู้ ต่อให้อยู่ในคุก คุณก็เป็นฮีโร่ของลูกน่ะ
ไม่ เวลาเจอคนอื่นๆ เขาจะบอก “จะหาผ้าคลุมล่องหนไปช่วยพ่อ” มันมีความใสอีกแบบหนึ่งเลย หรือเวลาไปศาล เขาก็มากอดมาหลับนอนตักเรา
ไม่ เขาบอกพ่อเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ (หัวเราะ) เขาเป็นเด็กที่น่ารัก แต่ลึกๆ เขาคงรู้สึกขาดอะไรบางอย่าง มันเลยทำให้เขารู้สึกหวง ทุกวันนี้ไม่อยากให้ไปไหน
ผมคิดว่าเขาจะเป็นคนที่โตมาแล้วจะเป็นคนคิดที่คล้ายๆ กัน เขามีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบๆ ข้าง กับคนในสังคมที่เขารู้สึกว่าเขาจะเป็นส่วนหนึ่ง เขาจะสนิทกับพวกป้าๆ พวกทนาย เวลาไปศาลเขาจะเดินไปคุยกับทนายทุกคน เขาจะซึมซับ เขาจะกลายเป็นคนที่ไม่เห็นแก่ตัว เพราะเขาโตมาเห็นภาพแบบนี้ไง
คิดแทนยาก มันคล้ายๆ กับผมตอนเป็นเด็กรึเปล่า เราก็ไม่ได้อยู่กับพ่อตลอด แต่ความทรงจำของผมมันก็เป็นช่วงเด็กมากๆ คนอายุ 4-5 ขวบ ความคิดที่มันเป็นด้านลบไม่น่ามี คงเป็นแค่ความคิดถึงมากกว่า
ผมว่าเด็กชายกับเด็กหญิงมันต่างกัน เด็กผู้หญิงจะมีความจ๊ะจ๋า ตอนผมเป็นเด็กผมไม่เคยพูดว่าคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ แต่เด็กผู้หญิงมันมีความรู้สึก “พ่อไปไหน พ่อจะกลับเมื่อไหร่ หนูคิดถึงพ่อ”
ยิ่งเป็นลูกสาวผมยิ่งห่วง ตอนที่ผมอยู่ในคุก 7 เดือน ช่วง 3-4 เดือนแรกเนี่ย ห่วงมาก ผู้หญิง 2 คนเมียกับลูกอยู่กันเองในคอนโด น่าเป็นห่วงมั้ยล่ะ ผมติดคุก มียไปส่งลูกที่โรงเรียน เรียนเสร็จไปรับ กลับมาทำงานต่อที่ออฟฟิศ เสร็จก็กลับบ้าน จริงๆ ความเป็นคอนโดมันก็ปลอดภัยระดับหนึ่ง มียามดูแล แต่ความเป็นห่วงคือมันเป็นผู้หญิง 2 คนอยู่กันเอง โชคดีหน่อยที่มียายเขามาช่วยดูเป็นระยะๆ
ไม่ ผมว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ต่อให้คุณไม่เป็นนักเคลื่อนไหว คุณเป็นทนายคุณก็อันตราย ตอนที่ทำงานคดีเสื้อแดงก็อันตราย มีทหารตาม แต่ผมคิดว่าการทำให้ลูกเห็นว่าเราสู้ ถ้าเขาเข้าใจ เขาคงจะรู้สึกดีมากกว่า หรือผมอาจคิดผิดวะ (หัวเราะ)
ผมไม่ได้คิดว่าเราจะติดคุกยาว ไม่ได้คิดว่าจะแพ้ 2 ปีที่ผ่านมา ผมไม่คิดว่าผมจะห่างเหินกับลูกมากขนาดนั้น ผมอาจจะคิดผิดก็ได้นะ เหมือนกับว่าเราไม่ได้นอนด้วยกันเฉยๆ ถ้าผมไปปล้นทรัพย์หรือไปโดนคดีฆ่าคนตายก็จะอีกแบบ แต่นี่ติดเพราะเรียกร้องประชาธิปไตย
มันเลยช่วงนั้นไปแล้ว คุณมาเดินบนเส้นทางนี้ คุณต้องคิดให้มันเสร็จก่อน ผมกับแฟนคิดเสร็จแล้วนะ เราสรุปร่วมกันว่าแม้จะเสี่ยง แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็จะแปลกๆ
เอาง่ายๆ ไปยืนชู 3 นิ้วมันไม่ผิดนะ แต่คุณอาจโดนถอนประกันได้ คือความรอบคอบของคุณไม่ผิดกฎหมายแน่ๆ แต่ว่าถ้าฝั่งตรงข้ามเขาจะเอาผมจะทำไรได้ ทุกวันนี้ผมพยายามอยู่บนเส้นนี้ ต่อให้คุณไม่เป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่คุณเป็นทนายความ เขาจะเล่นคุณในฐานะที่คุณเป็นทนายความก็ได้ ไม่อยากให้ทนายมาเปรี้ยว ทนายสมชายก็ไม่ได้พูดเรื่องเจ้านะ เขาก็ทำคดีของเขายังโดน
ถ้าคุณอยู่บนความถูกต้อง จะโดนมันก็โดน ความถูกต้องชอบธรรมมันอธิบายได้ ต่อให้คุณถูกอุ้มตายไป ผมว่าลูกคงมีความทรงจำที่ดี นักต่อสู้หลายคนไม่ได้พูดเรื่องเจ้าเลยก็โดน บิลลี่ พอละจี นี่ตัวอย่างชัดสุด
ถ้าเกิดคุณเดินไปแล้วถูกรถชนตาย ถามว่าลูกจะเสียใจมั้ย เสียใจ แต่ถ้าคุณได้ทำอะไรบางอย่างที่มีคุณค่าทางความคิดก็ดีกว่าไม่ทำ
ผมคิดว่าอีก 30 ปี เวลาคุณพูดถึงเหตุการณ์นี้ คุณก็เป็นคนในประวัติศาสตร์ คุณทำไปจนมันเหมือนเป็นหน้าที่ทางสังคมจนมีพาวเวอร์ แล้วก็ถูกสังคมกำหนดให้ทำต่อไปจนทำให้ไม่รู้สึกกลัว การได้อยู่ในที่สว่างมันสบายใจ
กูก็มีเท่าที่มึงเห็น รัฐมึงจะมาเจาะเฟซบุ๊ก กล่องข้อความ มึงก็เห็นเท่าที่เห็น จะยึดโทรศัพท์ไปตรวจ คุณจะหาหลักฐานอะไรล่ะ คุยกับทักษิณ คุยกับผู้ก่อการร้าย หรือคุยกับทหารเหรอ มันไม่มี กูมีแค่นี้แหละ เต็มที่ก็ซื้อหวยใต้ดิน แทงบอล ไม่ซับซ้อน
โตไปทำอะไรก็เรื่องของมัน สิ่งที่ลูกชอบที่ลูกถนัด ผมคิดว่าทุกคนเห็น ลูกผมแม่งวาดรูปเก่ง ชอบดนตรี นางมี EQ บวกไปทางนี้แน่ พวกงานศิลปะ การมีปฏิสัมพันธ์กับคน ส่วนเรื่องอื่นก็แล้วแต่เขา โตขึ้นชีวิตมันเลือกเอง เขาจะโตมากับการใช้เสรีภาพ
ตอนนี้ลูกสาวผมมันรู้วิธีพูดยังไงไม่ให้เรารู้สึกไม่สบายใจ เช่น เวลากลับมาจะอยู่กับเรา แต่เขารู้ว่าเรามีงาน เขาก็จะบอกเดี๋ยวคืนนี้ไปนอนกับยายกับแม่ดีกว่า มันมีมุมอย่างนี้อยู่ มุมที่ไม่อยากให้เราเสียใจ ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องฝังมาตั้งแต่เกิดอะไรหรอก แต่คนมันอยู่มาด้วยกัน เมียผมเลี้ยงลูกแบบไม่บังคับแต่ไม่ตามใจ ลูกมันเลยไม่ดื้อ เลี้ยงง่ายนะ แต่ขี้อ้อน (หัวเราะ)
เรื่องนอน บางทีเราก็หงุดหงิด แต่เขาจะให้อ่านหนังสือให้ฟังหน่อย เออ กูง่วง จริงๆ มันเป็นมุมที่ทำให้เราคลี่คลาย เวลาคุณหนักมาทั้งวันแล้วคุณมาเจอลูก บางทีก็รู้สึกเหมือนเป็นหมาเป็นแมว พอเขามาอ้อนแล้วเราหายเหนื่อย
เคย ตอนที่เครียดๆ เพราะทะเลาะกับแม่เขา ดุเรื่องง่ายๆ อย่างกินข้าวเขาไม่กินเอง พอดุลูกร้องไห้ เราก็รู้สึกแบบ “ไอ้เหี้ย กูทำอะไรลงไปวะ” แล้วคุณจะพยายามแก้ไขให้ดีขึ้น
สมัยผมเด็กๆ ตากับยายผมค่อนข้างตามใจ แต่กับลูกผมไม่ได้ตามใจมาก ผมว่าแฟนผมเวลาเลี้ยงลูกเขาก็ดุเหมือนกันนะ ไม่ได้ด่า แต่ดุแบบแข็งๆ ลูกเขาจะเกรงๆ แล้วก็มาเล่นกับพ่อแทน (หัวเราะ)
โดยวัยวุฒิ ผมคงเป็นทนายความอยู่ แต่คงเป็นคนที่นิ่งๆ แล้ว แค่จิบเหล้าแล้วมองวัยรุ่นใช้ชีวิตไป ถ้ามีม็อบผมคงไปเดินประท้วงด้วย
ต่อให้คุณมีรัฐบาลที่ดีเหี้ยๆ เลย มันก็จะยังวุ่นวายไปตลอด สังคมประชาธิปไตยนะ คุณจะให้สงบทั้งหมดเลยไม่ได้ บางคนเป็นลูกของรุ่นพี่ผม เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ทุกวันนี้ก็โตมาชุมนุมไล่อธิการบดี เป็นนักปราศรัยอันดับต้นๆ อนาคตเราก็จะเห็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ผมคิดว่าลูกผมคงไม่ต่างกัน เพราะมันเติบโตมาเห็นพ่อแม่สู้ไง แต่เราอย่าไปกะเกณฑ์ว่าลูกจะต้องเป็นอย่างงี้นะ ไม่งั้นทุกข์ อย่างผมลึกๆ อยากให้ลูกสาวเล่นเปียโน วันดีคืนดีมาบอกพ่ออยากตีกลอง บ้านผมมีเปียโนไง ผมกะว่ามอมเมาให้มันเป็นนักเปียโน สรุปมันอยากตีกลอง
ผมว่าเขาจะเข้มแข็ง เขาจะไม่รู้สึกว่าเพิ่งโดนรังแกนะ เพราะพ่อแม่กูโดนมาก่อน นี่พูดไปมันจะดราม่าอีก แฟนผมท้องคนที่ 2 แล้ว ออกจากคุกมาวันแรกไข่ตก ผมจัดการเลย ประจำเดือนไม่มา ตรวจดู 2 ขีด
ดีนะ แต่ไม่ได้รู้สึกโลดโผน เป็นความปกติ ใช้ชีวิตปกติ แน่นอนว่ามันยากขึ้น แต่มันเป็นความยากที่งดงาม เพราะลูกสาวผมมันอยากมีน้อง อยากมีเบบี๋ แล้วมันถามแม่ว่าทำยังไงจะมีน้อง แม่มันบอกต้องรอให้พ่อมันออกจากคุกก่อนนะ แล้วมานอนด้วยกัน เขาคงรู้สึกว่าต้องช่วยพ่อออกมาก่อนถึงจะมีน้องได้
การมีลูกมันทำให้การเคลื่อนไหวรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นนะ คุณต้องคิดให้มากขึ้น ความผิดพลาดมันไม่ได้เกิดจากการกระทำที่มันผิดพลาด แต่เกิดจากฝ่ายตรงข้ามมาเล่นคุณ ชีวิตผมที่ติดคุกมามันไม่มีข้อผิดพลาดอะไรเลย เป็นเรื่องของฝ่ายตรงข้าม มันไม่ใช่แบบผมทำปืนลั่น
เดิมทีเราผูกพันกับบ้าน มาอยู่กรุงเทพแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของเรา แต่สักพักนึงเราจะรู้สึกว่าบ้านเรามันเป็นเหมือนเชียงใหม่ เป็นที่ๆ คิดถึงแล้วมีความหวัง มีความฝันที่อยากกลับไปเยี่ยม
ผมนึกถึงคนอย่างอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ วันนี้ยังทำงานอยู่ อาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ไม่ได้บู๊เหมือนเดิม ไม่มาไฮปาร์คแล้ว แต่ยังไปยืนเรียกร้องปล่อยเพื่อนเรา ผมอาจจะไปยืนเรียกร้องปล่อยลูกสาวตัวเอง
ไปเที่ยวสิ ผมกับแฟนวางแผนจองตั๋วเนิ่นๆ ไปญี่ปุ่น จองล่วงหน้าสักปีนึง ตั๋วถูกนะ ผมยังมีโครงการไปนั่งรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย เที่ยวแบบประหยัด
ในแง่วัตถุผมมีครบแล้ว สิ่งที่อยากได้ล่าสุดคือเปียโนไฟฟ้า ผมซื้อแล้ว แฟนผมเขาผ่อนให้ แต่สิ่งที่ต้องการครั้งสุดท้ายคือการไปนั่งดูหิมะตก โรแมนติกมั้ย จิบชา จิบสาเกดูหิมะตก
ผมเคยไปดูงานที่อเมริกา ฝันว่าจะได้เจอหิมะ ไม่เจอว่ะ ไปจีนก็หนาวลบ 15 องศา ไม่เจอ เจอแต่แม่น้ำที่แข็ง ไปญี่ปุ่นแม่งไม่ตกอีก เห็นแค่ตอนที่มันเป็นก้อนๆ อยู่ตามพื้นแล้ว ยังไม่เคยเจอแบบที่ตกมาขุยๆ ผมอยากไปเจอสักครั้งในชีวิต
ผมไม่ได้มีความมักใหญ่ใฝ่สูงอะไรมากกว่านี้ ผมเป็นคนประเภทถ้าไปเจอสาวงาม แล้วเขารินเหล้าให้เรา ต่อให้เรารู้ว่ามันมีพิษในเหล้าผมก็จะดื่ม ผมชอบอารมณ์แบบนี้ ผมชอบความเป็นมนุษย์
ถ้าเป็นพระเขาสอนให้นิพพาน แต่ผมอยากเวียนว่ายตายเกิด เพราะเหล้ามันหอม อยู่โลกมนุษย์ดีกว่ามีคาราโอเกะร้องสายัณห์ สัญญา ให้เพื่อนฟัง.
ภาพ : ปฏิภัทร จันทร์ทอง