ไม่พบผลการค้นหา
'แคน-นายิกา ศรีเนียน' ศิลปินอิสระ สะท้อนภาพความเหลื่อมล้ำในสังคม หลังลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดโควิด-19 มองว่าจากเดิมที่เราเคยกลัวปัญหาโรคระบาด แต่ตอนนี้มีปัญหาที่ยุ่งยากกำลังซ้ำเติมผู้คน เชื่อสังคมแห่งการแบ่งปันจะช่วยแก้ปัญหาปากท้อง

เป็นอีก 1 คนรุ่นใหม่ ที่ขอลงพื้นที่ไปช่วยผู้เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดโควิด-19 สำหรับ แคน นายิกา ศรีเนียน ศิลปินอิสระ วัย 22 ปี เห็นภาพสะท้อน ความไม่เท่าเทียมในสังคม หลังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของกลุ่มอาสาสมัครลงพื้นที่ ช่วยผู้เดือดร้อนจาก โควิด-19 ชุมชนริมทางรถไฟ หลังโรงพยาบาลเดชา เขตราชวิถี ซึ่งผู้ที่อาศัยในชุมชน ดังกล่าว แทบทั้งหมด ได้รับผลกระทบ เกี่ยวกับรายได้จาก มาตราการป้องกันการแพร่ระบาด โควิด-19

ทีมข่าว วอยซ์ออนไลน์ ได้พูดคุยกับ แคน นายิกา ถึงที่มาของการเป็นอาสาสมัครลงพื้นที่ เธอเล่าว่า เริ่มจากคุณพ่อที่ชักชวน เพราะตอนแรกเธอนั้นกังวล และกลัวการติดเชื้อโควิด-19 มาก ก่อนจะตัดสินใจลงพื้นที่เพื่อแบ่งปันกันในสังคม โดยที่มาของงบประมาณ ในการแบ่งปันครั้งนี้ มาจากกลุ่มคนในโลกออนไลน์ ที่มีความพร้อมทางทุนทรัพย์ และรู้สึกอยากช่วยเหลือคนที่ลำบากจริงๆ

ส่วนที่เลือกมายังชุมชนนี้ เพราะอยู่ไม่ไกลจาก มหาวิทยาลัยมหิดล พระราม 6 และมีรุ่นพี่หลายคนทำงานชุมชนในพื้นที่แถวนี้ การลงพื้นที่ทำให้เธอเห็นภาพสะท้อนเมืองใหญ่ อีกมุมหนึ่งที่แม้จะอยู่ท่ามกลางความเจริญ แต่กลับยังมีหลายคนที่ยังต้องอยู่ใน สถานที่ที่ไม่ได้สะดวกสบาย อย่างที่ควรจะเป็น

แคน นายิกาแคน นายิกา

"วันที่เราได้ไปเราได้เห็นว่า มันมีหลายคนที่เขาลำบากจริงๆ อยู่นะกับสถานการณ์นี้ เราอาจจะเป็นคนเมืองแล้วบ้านเราค่อนข้างที่จะไม่ได้ลำบากอะไร ทำให้บางครั้งเราก็ไม่ได้สนใจว่าชีวิต สถานการณ์นี้มันจะลำบากขนาดไหน ต่อให้เราหาเงินไม่ได้จากงานของเรา แต่เราก็ยังมีคุณพ่อคุณแม่ช่วย แต่มันก็จะมีคนที่ลำบากจริงๆ ต่อให้เขามีคุณพ่อคุณแม่ เผลอๆ เขาก็ต้องเลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่ของเขาด้วย  

"ตอนลงพื้นที่เห็นสีหน้าของพวกเขา เหมือนเขาก็อยากจะระบายให้เราฟังด้วยว่า ชีวิตเขาลำบากขนาดไหน เขารีบคว้าถุงข้าวสารเลย อยากได้มาก ทั้งๆ ที่ถุงข้าวสารสำหรับเรา มันแค่กองอยู่ในห้องครัวธรรมดาๆ แต่เขาแบบดึงกระชากเลย เฮ้ย ขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วเขาดีใจมากที่ได้

"รอบๆ พื้นที่จะมีแต่คอนโด มีแต่ความหรูหรา แต่ก็ยังมีชุมชนที่ขาดแคลนอยู่ตรงเมือง ลำบากกว่าคนอื่นด้วย เพราะว่าพอประเทศเขาล็อกดาวน์ ทำให้เขาไม่สามารถออกไปทำงานได้ แล้วเขาก็ไม่มีพื้นที่ในการปลูกผัก หรือว่าทำอะไรที่หารายได้ให้ตัวเขาได้ เหมือนในหนังเลย เหมือนมีตึกสูงๆ แล้วก็มีแบบเหมือนสองโลก ทางที่เขาอยู่ตรงกลาง แล้วล้อมด้วยตึก บางคนคือนอนอยู่ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีอะไรเลย แล้วคนที่อยู่บนตึกก็เหมือนกับมีทุกอย่างแล้วปลอดภัย"

แคน มองว่า ปัญหาสังคมที่เป็นอยู่การแบ่งปันจากผู้ที่มีความพร้อม ไปยังผู้ที่ขาดแคลน เป็นสิ่งสำคัญและจะช่วยให้ร่วมกันฝ่าฟันปัญหาไปได้

"จริงๆ แล้วการที่แคนไปบริจาคสิ่งของถือเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก เพราะว่าจริงๆ แล้ว มีคนที่เขาทำแบบยิ่งใหญ่เยอะแยะเต็มไปหมดเลย เราก็ถือว่าแค่มีส่วนหนึ่ง อย่างน้อยเราก็ทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง ในเมื่อเราก็มีทุกอย่าง เราไม่ได้เสียอะไร และก็มีเวลาว่างด้วย ก็ออกไปทำประโยชน์ช่วยเหลือเขาด้วย เผื่อว่าชีวิตของเขาใน 1 วัน ที่กำลังแย่ๆ เนี้ยจะดีขึ้นได้ เพียงแค่เราออกไปช่วยเขา 

"พอมาเจอสถานการณ์อย่างนี้ มันทำให้คนไทยหันมาช่วยเหลือกันและกันมากขึ้น เพราะว่ามันก็มีคนที่รู้สึกว่าเขาขาด และอีกคนหนึ่งเขาก็มีพร้อมที่จะให้อย่างนี้ค่ะ คนไทยก็เลยให้มาช่วยเหลือกันมากขึ้นในสถานการณ์นี้ นี่คือสิ่งที่หนู เรียนรู้จากการได้ออกพื้นที่ เรากำลังเผชิญหน้าในเรื่องปัญหาเดียวกันพร้อมๆ กัน ถ้าคนที่เขาสามารถช่วยได้ก็ควรช่วยกันและกันค่ะ สถานการณ์นี้ มันอาจช่วยเหลือกันไม่ได้มาก คือต้องช่วยตัวเองก่อน ถ้าเกิดว่าใครก็ตาม ไม่ได้ลำบาก เพียงพอที่จะสามารถช่วยคนอื่น ก็อยากเชิญชวนให้มาช่วยกันค่ะ แต่ถ้าเกิดใครที่ไม่ไหวก็ไม่เป็นไร เราก็แค่สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ แล้วเราก็จะฝ่าฝันไปด้วยกันค่ะ"

แคน นายิกา

แคน ยังมีความคิดว่า มาตรการเยียวยา 5,000 บาท ที่ภาครัฐเยียวยา ควรจะให้ประชาชนทุกคน เพราะทุกคนเสียภาษีเข้ารัฐเหมือนกัน

"ควรให้ทุกคน ที่เป็นสัญชาติไทย คือทุกคนต้องเสียภาษีใช่ไหมคะ แล้วก็แค่คืนภาษีให้กับเขาคืนมา เอาเงินภาษีส่วนหนึ่งให้กับประชาชน ให้เขาได้มีชีวิตอยู่รอดในช่วง 3 เดือนนี้ค่ะ ในเมื่อสถานการณ์มันซบเซา เศรษฐกิจไม่ได้ดำเนินต่อไปข้างหน้า อย่างน้อยเราก็ต้องมีเงินเพื่อที่ให้อยู่รอด มันสามารถซื้อข้าวสาร ซื้ออาหารที่สามารถประทังชีวิตเขาไปได้ บางคนต่อให้เราดูภายนอกว่าเขาร่ำรวยแค่ไหน แต่ข้างในเขาอาจจะเป็นเงินหมุนก็ได้ เงินที่เขาลงทุนไป พอธุรกิจของเขาต้องหยุดมันอาจจะทำให้เงินที่เขาหมุน ต้องหยุดลงด้วย ทำให้เงินที่เขาออกมาใช้จ่ายก็ไม่มีเหมือนกัน ต่อให้เขาดูร่ำรวยแค่ไหนก็ตาม"

เธอยังเล่าเพิ่มเติม ว่าเธอเองมีโอกาสไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 และเห็นว่าค่ารักษาพยาบาลมันสูงมาก 8 ถึง 9 พันบาท แค่นี้ก็มองเห็นว่าการเข้าถึงการรักษามันไม่สามารถลงไปถึงทุกกลุ่มได้ 

"คนธรรมดาที่หนูไปให้ข้าว เขาไม่มีทางมีเงินไปตรวจขนาดนั้นได้"

แคน BNK48

แต่ใช่ว่าในการระบาดโควิด-19 เธอเองจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากปัจจุบัน แคน นายิกา เป็นศิลปินอิสระ ซึ่งปกติถ้าไม่มีโควิด เธอก็จะมีงานแสดงดนตรี มีอีเวนต์ ทำให้เธอนั้นขาดรายได้ไปพอสมควร เธอจึงมีแนวคิด ขายของออนไลน์ โดยทำขนมกับคุณย่า เพื่อเพิ่มรายได้ ลงในเพจ Can Nayika ซึ่งนอกจากจะได้มีรายได้เข้ามา ยังเป็นกิจกรรมที่เชื่อมความสัมพันธ์ของคน 2 วัยได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น