หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เป็นเวลา 10 ปี กรณีเงินกู้ 191.2 ล้านบาทจากนายธนาธร จึงรุ่งเรื่องกิจ เมื่อวันศุกร์ที่ 21 ก.พ. 2563 ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักศึกษาเกือบทั่วประเทศได้แสดงพลังไม่เห็นด้วยกับการบริหารรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะนี้
รวมทั้งเริ่มเคลื่อนไหวต่อต้านเผด็จการและต้องการเปลี่ยนแปลงสังคม ซึ่งได้รวมตัวกันจัดกิจกรรมทางการเมืองในลักษณะแฟลชม็อบ แปรพลังจากโซเชียลมีเดียและพลังแฮชแท็กให้ออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
จุดเริ่มต้นของแฟลชม็อบมาจากนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ที่จัดขึ้นเป็นที่แรก เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2563 ภายใต้ชื่อ ประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม ที่นำโดยกลุ่มแกนนำสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.)
ต่อมามีหลายสถาบันรวมตัวกันจัดกิจกรรมในลักษณะนี้เช่นเดียวกันเพื่อแสดงจุดยืน เสรีภาพทางความคิดและร้องเรียกสิทธิของตนเองเป็นเวลาติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง
การเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ออกมาแสดงความไม่พอใจกับการบริหารประเทศของรัฐบาล เริ่มเคลื่อนไหวนอกสภาตามสถาบันการศึกษา คู่ขนานการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสภาฯ
ไล่ตั้งแต่วันที่ 24 - 28 ก.พ. 2563 มีการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบมาแล้วถึง 24 แห่งจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ อาทิ ‘จุฬาฯ รวมพล’ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ รวมตัวชุมนุมค้านมติ ศาลรัฐธรรมนูญยุบอนาคตใหม่ ตั้งมั่นจะเป็นเสาหลักที่จะไม่หักอีกต่อไป
‘รวมพลังธรรมศาสตร์ทวงคืนอนาคต’ ณ ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต) มีนักศึกษาและประชาชนจำนวนพันกว่าคนเข้าร่วมกิจกรรมและฟังปราศรัยจากกลุ่มนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งมีการใช้แฮชแท็ก #ธรรมศาสตร์และการชุมนุม #ที่ยุบอนาคตใหม่พี่มหาลัยกูทั้งนั้น
ด้านมหาวิทยาลัยรามคำแหง มีการจัดกิจกรรม ‘ลูกพ่อขุนไม่รับใช้เผด็จการ’ นัดชุมนุม ณ ลานพ่อขุน มีการอ่านแถลงการณ์ มีการปราศรัยของกลุ่มนักศึกษาและสั่นกระดิ่งเป็นเชิงสัญลักษณ์เพื่อประกาศเจตนารมณ์รามคำแหงต่อต้านเผด็จการ และร่วมร้องเพลงเพื่อมวลชนของวงกรรมาชน อดีตนักศึกษายุคเดือนตุลาคมโดยมีนักศึกษาและประชาชน 2,000 กว่าคนที่ทยอยกันมาเข้าร่วมกิจกรรม
รวมถึงมหาวิทยาลัยที่แทบจะไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองมาก่อนอย่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในกิจกรรม ‘มอกะเสดไม่ใช่ขนมหวาน’ ที่หน้าหอประชุมใหญ่ ซึ่งมีนักกิจกรรมทางการเมือง อาทิ นายอานนท์ นำภา นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย พร้อมประกาศจุดยืนทางการเมือง เขียนป้ายผ้าแสดงความรู้สึกถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ขณะที่นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ก็จัดกิจกรรม ‘ศาลายางดกินของหวานหลากสี’ บริเวณลานอาคารศูนย์การเรียนรู้มหิดล เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคอนาคตใหม่ และเป็นการยืนยันถึงสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมและแสดงออกทางการเมืองของนักศึกษา
สำหรับมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัดก็มีการเคลื่อนไหวกันต่อเนื่องเช่นเดียวกัน อาทิ กิจกรรม ‘แฟลชม็อบจากรูสะมิแล ไม่แคร์เผด็จการ’ โดยนักศึกษา ม.อ.ปัตตานี มีการปราศรัยของกลุ่มนักศึกษาทั้งหญิงและชาย ทั้งภาษาไทยและภาษามลายูเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก
และกลุ่ม ‘มข.พอกันที’ จัดแฟลชม็อบ ‘เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ’ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีการแสดงดนตรีจากนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน พร้อมกับสมาชิกกลุ่มดาวดินพบปะพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์
นอกจากนี้ยังมีการจัดชุมนุมของกลุ่มนักเรียนมัธยมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากกลุ่มนักเรียน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รวมตัวกันทำกิจกรรมต่อต้านเผด็จการ ภายใต้แฮชแท็ก #เกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ มีนักเรียนร่วมกิจกรรมกว่า 300 คน มีการอ่านแถลงการณ์กลุ่ม ร่วมกันเขียนป้ายผ้าสื่อความคิดเห็นทางการเมือง และกลุ่มนักเรียนโรงเรียนศึกษานารี จำนวนหนึ่งที่จัดกิจกรรมแฟลชม็อบ ภายใต้ชื่อ #กระดุมใหญ่จะไฝว้เผด็จการ เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยให้รัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560
ทั้งนี้ยังมีแฟลชม็อบระดมมวลชนแสดงพลังครั้งใหญ่ในวันที่ 29 ก.พ.นี้ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หน้าหอประชุมใหญ่ใกล้สระพระพิรุณ ประตูพหลฯ เวลา 17.00 เป็นต้นไป ในภายใต้ชื่อ ‘คืนสู่เหย้า ไม่เอาไอโอ(ชา)’
"มาหาน้องหน่อย อย่าปล่อยน้องเหงา ร่วมเชิญชวนนิสิตเก่า นิสิตปัจจุบัน และนิสิตในอนาคต คณาจารย์ทั้งหลายและสหายมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เข้าร่วมขับไล่มหันตภัยครั้งใหญ่ของประเทศชาติอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ไอโอชา"
จากกิจกรรมแฟลชม็อบหลายสถาบันการศึกษา ผู้สื่อข่าว 'วอยซ์ออนไลน์' ได้ลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นของผู้ร่วมกิจกรรมแฟลชม็อบที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
“อยากมาแสดงพลังเวลาเราเห็นอะไรไม่ถูกต้องทางบ้านเมือง อยากจะแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยแม้จะเป็นแค่หนึ่งเสียงถ้ารวมหลายๆเสียงก็น่าจะสามารถช่วยให้คนหลายคนเห็นหรือว่าช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้” ประชาชนที่มีอาชีพเป็นนักการตลาด ระบุ พร้อมบอกอีกว่า อยากมาแสดงพลังเพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้ออกมาร่วมสักเท่าไหร่ แต่เหตุการณ์มาถึงจุดที่เราต้องทำอะไรสักอย่าง
ขณะที่นักศึกษาชั้นปีที่ 3 อายุ 23 กล่าวว่า “ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ค่อนข้างที่จะเงียบกับสถานการณ์ทางการเมือง และเป็นเวทีแรกที่ทำให้คนจำนวนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นการออกมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจนอยากจะเรียกร้องความยุติธรรม มองไปทางไหนก็เห็นแต่การโกง คอรัปชัน อยากฝากบอกรัฐบาลว่าถ้าไม่ไหวหรือทำไม่ได้จริงๆ ก็ออกเถอะ ให้คนอื่นที่พร้อมมาดีกว่า”
ด้าน นายวรัญชัย โชคชนะ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ระบุว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของการเรียกร้องทวงคืนประชาธิปไตย ในประวัติศาสตร์นักศึกษามักจะเริ่มต้นเสมอจากเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516 และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 และคิดว่ายุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่แตกต่างไป 2 เหตุการณ์นี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตามหลักประชาธิปไตย นอกจากนั้นยังสร้างความทุกข์ความเดือดร้อนให้กับประชาชน ภูมิใจและดีใจมากที่เห็นนักศึกษาได้นำและต่อไปนี้มหาวิทยาลัยต่างๆ ก็จะออกมาเรื่อยๆ มากขึ้นก็จะนำไปสู่มวลชนอันมาก และเผด็จการไม่สามารถต้านทานมวลชนของนักศึกษาและประชาชนได้
"ชีวิตของคุณจะไม่ต่างกับรุ่นพี่ รุ่นพ่อของคุณ รีบลาออกเสีย ถ้าไม่รีบลาออก มวลชนก็จะขับไล่ ประชาชนจะพากันสาปแช่งและคุณก็จะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ นี่คือสิ่งที่เป็นอดีตและต้องจดจำไว้" นายวรัญชัย ระบุ
ขณะเดียวกันที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในกิจกรรม ‘จุฬาฯ รวมพล’ นักศึกษาคนหนึ่ง ได้กล่าวถึง การเรียกร้องสิ่งที่ประเทศไทยควรเป็น ไม่กลัวผู้มีอำนาจ แต่กลัวประเทศชาติของเราเป็นแบบนี้ และขอเรียกร้องความเป็นธรรม ความยุติธรรมกลับสู่ประเทศไทย อนาคตข้างหน้าไม่รู้ว่าจะเป้นอย่างไร แต่เราเป็นเยาวชนอย่าสิ้นหวัง จะรอวันที่ประชาชนเป็นใหญ่อีกครั้ง
'พริษฐ์ ชิวารักษ์' หรือ เพนกวิน แกนนำสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ที่กิจกรรม‘รวมพลังธรรมศาสตร์ทวงคืนอนาคต’ ณ ลานพญานาค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต) ให้สัมภาษณ์ 'วอยซ์ออนไลน์' ว่า “ตอนนี้คือการแสดงพลัง ผมคิดว่าพลังที่จะแสดงยังไม่หมดยังแสดงได้มากกว่านี้ แต่คิดว่าในไม่ช้านี้กลุ่มนักศึกษาจะมีข้อเรียกร้องที่เป็นเอกภาพ และออกมาร่วมกันเคลื่อนไหวเป็นพลังเดียวกัน ผมคิดว่านี่เป็นการปฏิวัติของนักศึกษาและประชาชน”
'เพนกวิน' ยังฝากไปถึงพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนว่า ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้เป็นสัปดาห์สอบของมหาวิทยาลัยชั้นนำแทบจะทุกมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ แน่นอนว่ากิจกรรมแฟลชม็อบจะต้องซาไป จึงอยากขอร้องไปทางพี่น้องประชาชนว่าไม่ใช่แค่นักศึกษาที่สามารถจะจัดการชุมนุมหรือทำกิจกรรมได้ ให้มาช่วยกันออกมาส่งเสียงทวงคืนความยุติธรรม ทวงคืนประชาธิไตย และทวงคืนอนาคตไปด้วยกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง