ไม่พบผลการค้นหา
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ย้ำเป็นหน้าที่ ส.ส.ต้องปกป้องประชาชนที่ถูกคุกคาม เรียกร้องนายกฯ ต้องรับฟังประชาชนอย่างมีวุฒิภาวะ การกระทำต้องสอดคล้องกับคำพูด - หยุดระบอบอภิสิทธิ์ชน ต้องดูแลประชาชนอย่างเท่าเทียม

ที่ จ.สมุทรปราการ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ส.ส.พรรคก้าวไกลใช้ตำแหน่งประกันตัวประชาชนผู้ชุมนุมที่ถูกดำเนินคดีจากการชุมนุมทางการเมือง จะถูกโยงว่าพรรคอยู่เบื้องหลังการชุมนุมหรือไม่ว่า สิ่งที่พวกเราทำเป็นการปกป้องสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตยและเป็นการเรียกร้องตามหลักสันติวิธี โดยพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่มาจากประชาชน ได้รับเลือกตั้งมาจากประชาชน ดังนั้น เมื่อประชาชนโดนคุกคาม ในฐานะผู้แทนราษฎรก็ต้องเข้าไปปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานนี้ นอกจากนี้ในทางกลับกันตนขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมถึงความจริงใจในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน นักเรียนนักศึกษา อย่ามองประชาชน เยาวชนที่อาจมีความเห็นไม่ตรงกับท่านเป็นศัตรู ทั้งนี้ท่านนายกรัฐมนตรีได้เคยออกมากล่าวว่า พร้อมที่จะรับฟัง แต่กลายเป็นว่าหลังจากนั้นก็มีการออกหมายจับประชาชนที่ออกมาเรียกร้อง ซึ่งไม่ใช่หมายเรียกด้วยซ้ำ แต่เป็นหมายจับเลย แต่ในขณะเดียวกันมีลูกวีไอพีขับรถชนคนตาย แต่หมายเรียกกว่าจะออก ดังนั้น จึงขอฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีว่า ต้องมีคำพูดและการกระทำที่สอดคล้องกันด้วย 

”ต้องยอมรับว่าน้องๆ นักศึกษา และประชาชนที่ออกมาเรียกร้อง ส่วนหนึ่งเป็นการออกมาเรียกร้องที่เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตทางการเมือง และเป็นเรื่องของวิกฤตศรัทธาด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นความล้มเหลวของรัฐบาลที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ รวมทั้งการออกมาเรียกร้องเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของพวกเขา อนาคตทางการศึกษา และเรื่องของวิกฤตโควิด-19 ที่สะสมมา จึงจำเป็นออกมาเรียกร้องกัน ถ้าเรามองกันอย่างตรงไปตรงมา พวกเขากำลังประสบปัญหา และประเทศนี้ไม่มีอนาคตให้พวกเขา ต้องกลับมามองที่ตัวผู้ใหญ่เองว่ามีอะไรที่จะต้องแก้ไข แทนที่จะมีความพยายามในการใช้ปฏิบัติการไอโอ สร้างการยุยง ปลุกปั่น เพื่อให้มีม็อบผู้ใหญ่ออกมาชนกับม็อบของเยาวชน นิสิตนักศึกษา จะทำให้สถานการณ์บานปลายและประเทศก็จะถึงทางตัน”

พิธา กล่าวว่า คำว่าฟังก็ต้องเป็นการฟังจริงๆ ฟังด้วยจิตใจที่มีวุฒิภาวะ ฟังด้วยการเปิดใจในสิ่งที่พวกเขาเรียกร้อง และตอบสนองในสิ่งที่พวกเขาต้องการโดยนำไปแก้ไขปรับปรุง เพื่อให้พวกเขามีอนาคตในประเทศแห่งนี้ และทำให้ประเทศเป็นประเทศของประชาชนจริงๆ ไม่ใช่เป็นประเทศของอภิสิทธิ์ชน ซึ่งจำเป็นต้องดูแลประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติจากเหตุเพราะมีทรัพยากรมากกว่า มีเส้นสายมากกว่า หรือมีนามสกุลที่ดังกว่า