สำนักงานอัยการสูงสุดลิเบีย ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ (29 พ.ค.) ว่า มีนักโทษอีก 1 คน ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 12 ปี และอีก 6 คนถูกตัดสินจำคุก 10 ปี รวมถึงอีก 1 คนที่ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี และอีก 6 คนในโทษจำคุก 3 ปี อย่างไรก็ดี มี 5 คนที่ศาลตัดสินว่าไม่มีความผิด และอีก 3 คนเสียชีวิตก่อนที่คดีของพวกเขาจะเข้าสู่การพิจารณาคดี
ลิเบียเคยเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นของ ISIL นอกอิรักและซีเรีย และกลุ่มก่อร้ายนี้ได้ใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายและสงครามในลิเบีย ซึ่งเป็นประเทศในแอฟริกาเหนือ หลังการก่อจลาจลที่ได้รับการสนับสนุน จากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ในปี 2554
ในปี 2558 กลุ่มติดอาวุธ ISIL ได้เปิดฉากโจมตีโรงแรมหรูโครินเธียในตริโปลี และคร่าชีวิตผู้คนไป 9 คน ก่อนจะลักพาตัวและตัดศีรษะชาวคริสต์อียิปต์หลายสิบคน พร้อมกันกับการถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาช่วยเชื่อ ขณะการฆ่าคัดคอดังกล่าว
หลังจากยึดดินแดนในเบงกาลี เดอร์นา และอัจดาบิยาทางตะวันออกของลิเบีย กลุ่ม ISIL ได้ยึดเมืองเซอร์เตบริเวณริมชายฝั่งทางตอนกลางของประเทศ โดยสามารถยึดเมืองดังกล่าวไว้ได้จนถึงปลายปี 2559 ท่ามกลางการปกครองที่บังคับใช้ระบอบศีลธรรมอันรุนแรง และมีการลงโทษที่โหดร้ายต่อประชาชน
ลอตฟี โมเฮย์เชม ทนายความกล่าวว่า ศาลลิเบียยังได้ตัดสินจำคุกผู้เยาว์จำนวน 3 คนคนละ 10 ปีด้วย “ในฐานะทนายความของครอบครัวเหยื่อ เราเห็นว่าคำตัดสินของศาลเป็นที่น่าพอใจและยุติธรรมมาก” โมเฮย์เชมกล่าว “ศาลตัดสินผู้ที่มีความผิดและยกโทษให้ผู้ที่มีหลักฐานไม่เพียงพอ”
ISIL และกลุ่มอื่นๆ ใช้ประโยชน์จากความโกลาหลที่เกิดขึ้นในลิเบีย หลังจากการจลาจลในปี 2554 ที่โค่นล้มและสังหาร โมอัมมาร์ กัดดัฟฟี เผด็จการที่ปกครองลิเบียมาอย่างยาวนาน แต่ในที่สุด ISIL ถูกขับออกจากเมืองเซอร์เตในเดือน ธ.ค. 2559 โดยกองกำลังที่ต่อสู้เพื่อรัฐบาลแห่งชาติ ที่สนับสนุนโดยสหประชาชาติ ทั้งนี้ อดีตนักรบ ISIL ที่ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดหลายร้อยคน ยังคงถูกจำคุกในเรือนจำของลิเบีย และหลายคนยังคงรอการพิจารณาคดี
ที่มา: