นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยภายหลังการหารือกับ อีร์ฟัน ชากีร์ โอกลูดาวูดอฟ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานประจำประเทศไทย ถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ว่า ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่มีความสัมพันธ์ทางการค้าที่แน่นแฟ้น โดยตนและท่านทูตต่างเห็นพ้องว่าทั้งสองประเทศยังมีโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือในด้านการค้าและการลงทุนอีกมาก โดยเฉพาะจากการที่ปัจจุบันอาเซอร์ไบจานอยู่ระหว่างการพัฒนาอุตสาหกรรมอื่นที่นอกเหนือจากน้ำมัน (Non-oil sector) จึงเห็นว่าเป็นโอกาสอย่างมากที่ผู้ประกอบการไทยจะไปลงทุนในกลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังสามารถใช้ประโยชน์จากเขตเศรษฐกิจเสรีอาลาต (Alat Free Economic Zone - AFEZ) ซึ่งตั้งอยู่ติดกับท่าเรือพาณิชย์นานาชาติบากู เพื่อส่งออกสินค้าไปยังตลาดยุโรปและเอเชียกลาง ตนจึงเชื่อว่าอาเซอร์ไบจานมีศักยภาพมากในการเป็นประตูสู่ภูมิภาคคอเคซัส
นลินี เสริมว่า ตนและท่านทูตยังเห็นความสำคัญของการจัดการประชุม/หารือระหว่างภาคธุรกิจสองประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการลงทุนที่จำเป็นระหว่างกัน นอกจากนี้ ตนยังได้เชิญผู้ประกอบการชาวอาเซอร์ไบจานเข้าร่วมงานนิทรรศการนานาชาติที่จัดขึ้นที่ไทย อาทิ Thaifex, Bangkok Gems & Jewelry Fair รวมถึงงานแสดงเทคโนโลยี อาวุธยุทโธปกรณ์ และระบบรักษาความปลอดภัย (Defense & Security) ในโอกาสนี้ ท่านทูตยังได้เชิญตนเดินทางไปเยือนอาเซอร์ไบจานเพื่อไปเยี่ยมชม Free Economic Zone รวมถึงหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศต่อไป
ตนและท่านทูตยังได้หารือถึงแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวอาเซอร์ไบจาน อย่างไรก็ตาม หากสามารถมีไฟลท์บินตรงที่เชื่อมระหว่างกรุงเทพและกรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน โดยสายการบินอาเซอร์ไบจานพร้อมพิจารณาบินในเส้นทางนี้ประกอบกับเปิดให้มีการยื่นคำร้องขอวีซ่าผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ e-Visa ได้ ก็เชื่อว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวชาวอาเซอร์ไบจานเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นอีกมาก เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับไปพิจารณา