การทำแท้งเป็นวิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมายของรัสเซียโดยทั่วไป อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์และไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รัฐสภาสหพันธรัฐรัสเซียได้ออกกฎหมายใหม่จำนวนมาก ที่มีเนื้อหาในความพยายามเพื่อการจำกัดการเข้าถึงการทำแท้ง ท่ามกลางความกังวลต่อจำนวนประชากรที่จะลดลงของรัสเซีย และการผลักให้สังคมรัสเซียมีความเป็นอนุรักษ์นิยมรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
ในเดือน ส.ค. และ พ.ย. พื้นที่ 2 ภูมิภาคของรัสเซีย ได้แก่ มอร์โดเวียและตเวียร์ ได้ผ่านกฎหมายที่จะลงโทษใครก็ตามที่ถูกพบว่า "บังคับ" ผู้หญิงให้ทำแท้ง นอกจากนี้ ในเดือน ต.ค. ส.ส.ของรัสเซียยังได้อนุมัติกฎหมายจำกัดการเข้าถึงยาทำแท้ง ซึ่งเป็นมาตรการที่อาจส่งผลกระทบต่อการขายยาคุมกำเนิดบางชนิดในรัสเซีย ในขณะที่บางคลินิกทำแท้งในรัสเซียตัดสินใจที่จะยุติการให้บริการการทำแท้งแล้ว
กรอบเวลาทางกฎหมายสำหรับการทำแท้งในรัสเซียค่อยๆ ย้อนกลับสั้นลงไปนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 เมื่อผู้หญิงสามารถยุติการตั้งครรภ์โดยไม่มีเงื่อนไขได้จนถึง 12 สัปดาห์หรือจนถึง 22 สัปดาห์ ด้วยเหตุผลทางสังคมหลายประการ เช่น การหย่าร้าง การว่างงาน หรือการขาดรายได้ อย่างไรก็ดี เหตุผลต่างๆ ที่ได้รับอนุญาตให้สามารถอ้างเพื่อการทำแท้งได้ค่อยๆ ลดลงภายใต้การปกครองของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา เหตุผลในการทำแท้งได้ในรัสเซีย เหลือครอบคลุมเฉพาะคดีข่มขืนเท่านั้น
จำนวนประชากรของรัสเซียแตะถึงจุดสูงสุดในปี 2535 ที่ 149 ล้านคน และปัจจุบันลดลงเหลือประมาณ 144.4 ล้านคน ซึ่งเป็นแนวโน้มจำนวนประชากรที่ลดลง ที่เกิดขึ้นในประเทศตะวันตกหลายประเทศเช่นกัน ทั้งนี้ รัสเซียมีรายงานอัตราการเกิดของเด็กประมาณ 1.5 คนต่อผู้หญิง 1 คน ซึ่งต่ำกว่าอัตรา 2.1 ที่จำเป็นในการรักษาจำนวนประชากรของประเทศไม่ให้ลดลง ทั้งนี้ ระบอบการปกครองของปูตินพยายามแทรกแซงอัตราการเกิดของประชากร ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์แก่มารดามากขึ้น แต่ความพยายามดังกล่าวกลับไม่ประสบกับความสำเร็จ
สงครามยูเครนยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อจำนวนประชากรที่ลดลงของรัสเซีย อย่างไรก็ดี ทางการรัสเซียไม่ได้เปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสงคราม แม้จะมีรายงานทหารจำนวนหลายหมื่นนายที่ถูกสังหารไปในความขัดแย้งกับยูเครน นับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ในปี 2463 โซเวียตรัสเซียกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุญาตให้ทำแท้งถูกกฎหมาย แต่ในช่วงเวลา 16 ปีต่อมา มาตรการดังกล่าวกลับถูกสั่งห้ามอีกครั้ง ยกเว้นการทำแท้งด้วยเหตุผลทางการแพทย์ เนื่องจาก โจเซฟ สตาลิน ผู้นำสูงสุดของสหภาพโซเวียต มีความกังวลเกี่ยวกับอัตราการเกิดที่ลดลง ซึ่งสตาลินได้กล่าวว่าการให้กำเนิดลูกไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่มีความสำคัญทางสังคมอย่างหนึ่ง
ปัจจุบัน อัตราการทำแท้งของรัสเซียลดลงอย่างมาก นับจากจุดสูงสุดของสหภาพโซเวียต แต่ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย โดยจากข้อมูลของสถาบันวิจัยแรนด์ของสหรัฐฯ รัสเซียมีอัตราการทำแท้งสูงที่สุดในโลก โดยในปี 2563 รัสเซียมีการทำแท้ง 314 ครั้งต่อการเกิด 1,000 ครั้ง เทียบกับ 188 ครั้งในสหภาพยุโรป ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก
เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลรัสเซียได้เปิดตัวการมอบรางวัลวีรมารดา ซึ่งเคยมีในยุคโซเวียตกลับมาอีกครั้ง สำหรับผู้หญิงที่มีลูกตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยทางการรัสเซียเสนอรางวัลเป็นเงินสดแก่แม่ที่มีลูกมากกว่า 10 คนมูลค่ากว่า 16,500 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 5.7 แสนบาท) แม้ว่าในยุคสตาลินเองกลับหาผู้หญิงที่มีลูกมากกว่า 10 คนได้ยากมากก็ตาม
ในขณะเดียวกัน ส.ส.รัสเซียกำลังหารือเรื่องการห้ามการทำแท้งในคลินิกเอกชนระดับชาติ นอกจากนี้ คริสตจักรออร์โธดอกซ์รัสเซียยังผลักดันข้อเสนอใหม่ เพื่อลดระยะเวลาในการทำแท้งตามกฎหมายเหลือ 8 สัปดาห์ หรือ 12 สัปดาห์ในกรณีของการถูกข่มขืน พร้อมกันในเดือนนี้ Women for Life ซึ่งเป็นโครงการสายด่วนช่วยเหลือสตรีตั้งครรภ์ของรัสเซีย ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบางส่วน ถูกพบว่ากำลังพยายามรณรงค์ห้ามการทำแท้งอย่างจริงจัง
ที่มา: