วันที่ 24 ต.ค. 2564 ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ระบุถึงกรณีที่ ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความคิดเห็นต่อกรณีการสูญเสียบทบาทของไทยในเวทีโลก โดยธนกร กล่าวว่าก่อนที่ พิธาจะทวงศักดิ์ศรีการต่างประเทศของไทย ควรทวงความสงบให้คนประเทศไทยก่อน
ณัฐชากล่าวว่า เห็นด้วยที่พี่น้องประชาชนในประเทศนี้ควรได้รับความสงบไม่ว่าจะที่ดินแดงหรือที่ไหนในประเทศนี้ แต่หัวหน้าพรรคก้าวไกลคงไม่สามารถคืนความสุข ความสงบให้พี่น้องประชาชนได้ เพราะหัวหน้าพรรคก้าวไกลไม่ใช่ตัวปัญหาของเรื่องนี้ ตัวปัญหาของเรื่องนี้คือนายของคุณธนกรเอง นั่นก็คือ 'พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา'
"ปัญหาของประเทศไทยที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะการประท้วงเรียกร้อง หรือปัญหาปากท้อง รวมถึงทุกปัญหาในประเทศนี้ล้วนเกิดจากรัฐบาลทั้งสิ้น เหตุใดนายธนกรจึงหน้าด้าน กล้าพูดว่าการคืนความสงบเรียบร้อยเป็นหน้าที่ของคนอื่น แค่สะกิดบอกนายว่าออกเถอะท่าน แค่นี้ก็สงบแล้วทั้งประเทศ" ณัฐชากล่าว
ณัฐชากล่าวอีกว่า การออกมาพูดเพียงเพื่อทำคะแนนให้ตัวเองมีผลงาน แต่ไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงที่คนทั้งโลกรู้ว่าต้นตอคืออะไร เหตุใดถึงไม่อายบ้าง เอาเป็นว่าไม่ต้องออกเสนอหน้าสอนใคร คุณธนกรเอาเวลาไปคิดหาคำพูดฉลาดๆ เพื่อแก้การกระทำโง่ๆ ที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวันให้นายของคุณจะดีกว่า ส่วนคนอื่นเขาจะเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำหรือไม่อย่างไรให้ประชาชนตัดสิน
"อย่าหาว่าสอน แต่อยากบอกว่า คนที่จะเป็นผู้นำประเทศต้องไม่ใช่คนที่รู้จักการประนีประนอมแบบไร้กระดูกสันหลังอย่างที่ธนกรเชื่อ" ณัฐชากล่าว
ณัฐชากล่าวอีกว่า ยิ่งในเวทีระดับโลก ยิ่งต้องมีจุดยืนอย่างมีวุฒิภาวะ กล้าแสดงความเห็นยืนยันในหลักการที่ถูก และกล้าหาญคัดค้านในสิ่งที่ผิด การที่อาเซียนมีมติไม่เชิญผู้นำทหารเมียนมาเข้าร่วมประชุมอาเซียน เท่ากับยืนยันว่า บรรดาผู้นำอาเซียนมองเห็นตรงกันว่า ประชาคมอาเซียนเปลี่ยนไปแล้ว และพวกเขาไม่มีที่ยืนให้ผู้นำที่ยึดอำนาจและทำร้ายประชาชน พวกเขาไม่ต้องการคำว่าโสมมประชาคมอาเซียนอีกต่อไปและกำลังสร้างประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็งขึ้นในอนาคตจากจุดยืนในวันนี้
"ทุกวันนี้คงมีแต่ผู้นำไร้กระดูกสันหลังหรือพวกเดียวกันเท่านั้นที่อยากจะยืนเคียงข้างกันเพื่อทำในสิ่งที่โลกไม่ยอมรับ อย่าพูดถึงการรักษาภาพลักษณ์ประเทศ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ทำลายป่นปี้ไปหมดแล้วตั้งแต่วันที่รัฐประหาร ที่ยืนตรงนั้น แบบนั้นบนเวทีโลก ก้าวไกลไม่ยืนอย่างแน่นอน เพราะน่ารังเกียจและน่าละอาย ที่ยืนของเราคือที่ยืนที่มีศักดิ์ศรี เป็นที่ที่ทั่วโลกให้การยอมรับและมีเกียรติ กล้ามองหน้าและสบตาได้กับผู้นำทุกคนบนโลกใบนี้" ณัฐชากล่าว