หัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT Thailand นำโดย พลจัตวา ซัมซุล ริซัล บิน มูซา (Brigadier General Samsul Rizal bin Musa) ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารมาเลเซีย ประจำกรุงเทพฯ ในฐานะหัวหน้าคณะ IOT-Thailand (Malaysian Defence Attaché to Thailand) พร้อมคณะทูตทหารอีก 4 ประเทศร่วมลงพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จะ.สระแก้ว
ซึ่งขณะที่คณะทูตฯมาถึง พบว่าฝ่ายกัมพูชา นำมวลชน/ผู้สื่อข่าว ประมาณ 100 คน บริเวณฝั่งตรงข้ามสนามทุ่นระเบิด โดยเจ้าหน้าที่ กั้นเขตแดนไว้อย่างชัดเจน เพื่อทำการเก็บกู้ พร้อมทั้งวางแนวรั้วลวดหนามป้องกันความปลอดภัย กระจายรอบหมู่บ้านหนองหญ้าแก้ว โดยมีทหาร ตำรวจและส่วนราชการ คอยอำนวยความสะดวกและการจัดระเบียบ สถานการณ์ทั่วไปปกติ การปฏิบัติการที่สำคัญ หน่วยได้จัดกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชน (คฝ.) 1 กองร้อย เข้าควบคุมและรักษาความปลอดภัยพื้นที่ เเละจัดชุดตรวจค้นวัตถุระเบิด 4 ชุด พร้อมอุปกรณ์ตรวจค้นเเละรถถากถางหุ้มเกราะ D5 ดำเนินการตรวจสอบค้นหาวัตถุระเบิดที่คาดว่าตกค้างในพื้นที่ปฏิบัติการฝ่ายไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว โดยจะสามารถได้พื้นที่ปลอดภัย จำนวน 38,256 ตารางเมตร
ทั้งนี้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) ประจำราชอาณาจักรไทย เดินทางไปสังเกตการณ์ความเรียบร้อย บริเวณแนวรั้วลวดหนามป้องก้นความปลอดภัย เพื่อติดตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดย กองทัพภาคที่ 1 ได้ชี้แจงให้คณะ IOT รับทราบ ถึงการขั้นตอนดำเนินการจัดการพื้นที่ที่ชาวกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในอธิปไตยของไทย เป็นไปตามมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ภายใต้กรอบกฎหมายไทยและหลักสากล
ต่อกรณีฝ่ายกัมพูชา โดยกองพลทหารราบที่ 51 แจ้งให้ฝ่ายไทยระงับการเก็บกู้ระเบิดในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อ้างละเมิดของตกลง GBC นั้น กองทัพภาคที่ 1 ขอยืนยันว่าฝ่ายไทยดำเนินการดังกล่าว ในพื้นที่อธิปไตยของไทยไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิ์
กองทัพภาคที่ 1 โดย กกล.บูรพา กองร้อยควบคุมฝูงชน (คฝ.) และฝ่ายปกครอง ยังคงตรึงกำลังดูแลความเรียบร้อยของทั้ง 2 พื้นที่ สถานการณ์ภาพรวมยังไม่มีเหตุการณ์ใช้กำลังเข้าระงับเหตุ กองทัพภาคที่ 1 ยืนยันจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดในห้วงวันเวลาที่ได้เปรียบ ทั้งนี้ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 ประจำในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เพื่อติดตามการปฏิบัติของหน่วยและการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด