ไม่พบผลการค้นหา
ฟู้ด เดลิเวอรี่ ยุคนี้เสิร์ฟถึงวัด แค่กดสั่งอาหารผ่านแอปฯ พระก็พร้อมประเคนพรผ่านวิดีโอคอล แต่นี่ไม่ใช่เรื่องผิดเเผกวิถีสงฆ์ เพราะ “พระอิทธิยาวัธย์” ยืนยันว่าบุญอยู่ที่แก่น

คิดจะทำบุญถวายสังฆทาน ยุคนี้ไม่ต้องกลัวเหนื่อย อาบน้ำแต่งตัว ฝ่ารถติดให้ยุ่งยาก เสียเวลาหลายชั่วโมงกว่าจะถึงวัด เพราะ ‘ฟู้ดเดลิเวอรี่’ ช่วยคุณได้

พระอิทธิยาวัธย์ สุวีรวราวุฒิ โชติปัญโญ เพิ่งเดินมารับ ‘สังฆทาน’ จากพนักงานฟู้ดเดลิเวอรี ก่อนประเคนพรผ่านวิดีโอคอล จนกลายเป็นที่ฮือฮาในสังคมออนไลน์

“ญาติโยมที่รู้จักกันนั่นแหละเขาไม่สะดวกมาวัด เลยสั่งฟู้ดแพนด้ามาส่ง และโยมก็คอลมารับพร” พระจาก วัดนิคมประทีป (วัดโคกหล่อ) อ.เมือง จ.ตรัง เล่าด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีถึงเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อน

บริการสั่งอาหารพร้อมจัดส่งถึงที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและเข้าถึงทุกที่ไม่เว้นแม้กระทั่ง วัด

พระอิทธิยาวัธย์

เข้าใจแก่น เข้าใจบุญ

พระอิทธิยาวัธย์ บอกว่า เจตนาคือสิ่งสำคัญที่สุดในการทำบุญ ไม่ว่าคุณจะส่งต่อผ่านช่องทางใด หากมีเจตนาดีก็ได้รับผลบุญทั้งนั้น

บุญแปลว่า เต็ม และ สละ คือสละซึ่งกิเลส ความโลภ โกรธ หลง ไม่ว่าคุณจะถวายทานโดยตรงที่วัดหรือผ่านแอปฯ สุดท้ายบุญกุศลที่คุณได้รับขึ้นอยู่กับว่า คุณรู้สึกอิ่มเอมในสิ่งที่กระทำหรือไม่ พูดง่ายๆ ว่ารูปแบบวิธีการอาจเปลี่ยนไปได้ตามยุคสมัย แต่สุดท้ายแล้วขอให้รู้จักและเข้าใจแก่นของการกระทำ

อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณทำบุญแบบ 'ฉาบฉวย' ไม่ได้มีเจตนาที่ดี ก็เท่ากับคุณไม่ได้ขัดเกลาตัวเอง ความโลภ โกรธ หลง ก็ยังคงติดอยู่เหมือนเดิม

“เจตนาคือตัวชี้วัดสำคัญที่สุดของผลลัพธ์ ในการกระทำความดีหรือกระทำอะไรสักอย่าง” พระอิทธิยาวัธย์บอกว่า บุคคลที่ทำหน้าที่ถวาย 'พนักงาน' เขาก็ได้ส่วนแห่งบุญด้วย อุปมาเหมือนการ 'จุดเทียน' ตัวเราเป็นเจ้าของเทียนเมื่อจุดสว่างแล้วก็ไปจุดให้คนอื่นๆ ต่อ แสงไฟของตัวเองไม่ได้ลดลงหรือหายไป แต่กลับทำให้เทียนเล่มอื่นได้สว่างไปด้วย

ส่วนที่มีการวิดีโอคอลรับพรนั้น พระอิทธิยาวัธย์ บอกว่า เฉพาะญาติโยมที่รู้จักกันเท่านั้น

พระอิทธิยาวัธย์

บุญเดลิเวอรี่ คือ โอกาสไม่ใช่หายนะ

มีผู้ตั้งคำถามว่า ความสะดวกสบายนั้นส่งเสริมให้ผู้คนฉาบฉวย ไม่เข้าถึงคุณค่า ลดทอนความสำคัญของวัด และนานวันเข้ายังเป็นอุปสรรคในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างพระและพุทธศาสนิกชน เมื่อไม่ได้พบปะกันโดยตรง

“วัดที่แท้จริงไม่ใช่เป็นแค่อาคารสถานที่หรือบริเวณ แต่อยู่ในใจ ถ้าจิตใจของคนมีความสงบร่มเย็น สามารถขัดเกลากิเลสได้ ก็คือ วัดที่แท้จริง เทคโนโลยีเปลี่ยนไป แต่แก่นของธรรมะยังเหมือนเดิม คือ สละกิเลส ขัดเกลาตนเอง ผ่านการทำบุญไปในรูปแบบต่างๆ ไปตามยุคสมัย” เขาเปรียบเทียบกับคอนเทนต์ ที่แม้ช่องทางและเครื่องมือการสื่อสารเปลี่ยนไป แต่สำคัญคือ Content is King (คอนเทนต์คือราชา)

“อาตมาเชื่อว่า ถ้าผู้คนมีเวลามีโอกาสก็อยากจะเข้าวัดทำบุญ รับศีล รับพรด้วยตัวเอง” หลวงพี่เห็นว่า เดลิเวอรี่คือนิมิตหมายและโอกาสอันดี ส่งเสริมให้เราเข้าถึงบุญได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนเจเนอเรชันใหม่ ไม่ใช่อุปสรรคขวางกั้นอย่างแน่นอน

“บางคนเขาไม่ชอบพิธีการอะไรเยอะแยะ มาวัดแล้วต้องเสียเวลาเป็นชั่วโมง เขาเอาไปเพิ่มโปรดักทีฟอย่างอื่นได้”

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้เปิดเผยข้อมูลแอปพลิเคชันสั่งอาหาร (Food Delivery Application) มีผลทำให้ธุรกิจฟู้ด เดลิเวอรี่ เติบโต 10% ในช่วงปี 2557-2561 เติบโตสูงกว่าธุรกิจร้านอาหารเอง ที่มีการขยายตัว 3.4% 

โดยในปี 2562 ธุรกิจจัดส่งอาหารจะมีมูลค่ารวม 30,000-35,000 ล้านบาท เติบโต 14% จากปีก่อน การเติบโตของธุรกิจบริการจัดส่งอาหารสอดคล้องกับโครงสร้างประชากรที่มีขนาดครัวเรือนที่เล็กลง พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เน้นความสะดวกสบายและประหยัดเวลามากขึ้น

พระอิทธิยาวัธย์

เปลี่ยนฝันเพราะศรัทธา

พระอิทธิยาวัธย์ หรือชื่อเดิม อิทธิเทพ โกกิฬา อายุ 32 ปี เกิดและเติบโตที่จังหวัดตรัง ในครอบครัวชนชั้นกลาง มีความสนใจในปรัชญาและแนวคิดจีน เนื่องจากอยู่ในจังหวัดที่คุ้นเคยกับวิถีและวัฒนธรรมจากแดนมังกร ต่อมาเลือกเรียนสาขาวิชาภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ภายหลังเรียนจบเขามีอาชีพเป็นไกด์ ล่าม และงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษา กระทั่งถึงเวลาบวชตามประเพณีชายไทย เพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่เมื่ออายุ 24 ปี ร่มกาสาวพัสตร์ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล

“เหมือนวัยรุ่นทั่วไป โตมาก็เริ่มตั้งคำถามว่า เราเป็นใคร มีชีวิตไปเพื่ออะไร ใช้ชีวิตในด้านไหน เรามีเป้าหมายในชีวิตอย่างไร จนกระทั่งเรียนจบ ได้ไปสวนโมกขพลาราม ของพระอาจารย์พุทธทาสภิกขุ เริ่มสัมผัสได้ถึงความสงบ จนกระทั่งมาบวช ที่ทำให้ได้ใคร่ครวญ ทำความเข้าใจพุทธศาสนาจนเกิดศรัทธาและเห็นว่าชีวิตนั้นมีคุณค่า มีความหมายเมื่อได้มอบสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่น” 

“ชีวิตหนึ่งมันมากกว่าแค่การหาเงิน สร้างบ้าน สร้างครอบครัว มันมีความหมายต่อผู้คนและสังคม ชีวิตของพระคนหนึ่งที่ฝึกฝนตัวเองจะเป็นประโยชน์ต่อโลกอย่างมาก” พระอิทธิยาวัธย์บอก  

พระอิทธิยาวัธย์

ตลอด 8 พรรษาบนถนนสายธรรม สิ่งที่พระอิทธิยาวัธย์ ประทับใจมากที่สุด คือการได้เผยแพร่วิธีเจริญจิตภาวนาให้กับคนรุ่นใหม่ เพื่อให้พวกเขาได้สติ เข้าใจและเห็นเป้าหมายของชีวิตชัดเจนมากขึ้น 

“หลายๆ คนชีวิตเขาดีขึ้นมาก เขาไม่ได้รักแค่ศาสนา แต่รักวิธีคิดและกระบวนการเรียนรู้ เพราะเห็นว่าสามารถพัฒนาจิตวิญญาณได้จริงๆ เราได้เยียวยาพาคนก้าวข้ามความทุกข์ โดยไม่ต้องไปสั่งสอนแต่ทำให้เขาก้าวข้ามไปด้วยศักยภาพของตัวเอง โดยไม่ต้องไปพึ่งพิงกับสิ่งภายนอกที่งมงาย”

พระหนุ่มจากแดนใต้ ฝากทิ้งท้ายไว้ว่า การใช้ชีวิตควรพิจารณาทุกอย่างด้วยปัญญา อะไรเป็นประโยชน์ อะไรไม่ใช่ ใช้สติตัดส่วนเกินออกไป ไม่ใช้ชีวิตด้วยความโลภ โกรธ หลง งมงาย ความทุกข์เข้ามาไม่ผลักไส ความสุขเข้ามาไม่วิ่งหา ไล่ตาม แต่มีจิตใจที่หนักแน่นมั่นคง 

“โลกมันถูกดิสรัปต์ยังไง เราก็สามารถเจริญปัญญาและเดินต่อไปข้างหน้าได้” 

....

ภาพจากเฟซบุ๊ก พระอิทธิยาวัธย์ สุวีรวราวุฒิ โชติปญฺโญ , YouLike (คลิปเด็ด)

วรรณโชค ไชยสะอาด
ผู้สื่อข่าวสังคม Voice Online
118Article
0Video
0Blog