ที่อาคารอนาคตใหม่ 'ชัยธวัช ตุลาธน' เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย 'เบญจา แสงจันทร์' และ 'รังสิมันต์ โรม' ส.ส. พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าวกรณีพรรคก้าวไกล ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เรียกชี้แจงจากการทำหน้าที่อภิปรายงบประมาณของสถาบันกษัตริย์
ชัยธวัช กล่าวว่า คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงของ กกต.ได้ระบุถึงเนื้อหาการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายส่วนราชการในพระองค์ตามพรบงบประมาณประจำปี 2565 ของนางสาวเบญจา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2564 รวมถึงการนำข้อมูลการอภิปรายดังกล่าวไปเผยแพร่ผ่านทาง facebook และเว็บไซต์ของพรรคก้าวไกล แต่กลับไม่ได้มีการระบุให้ชัดเจนว่า ข้อความหรือการกระทำใดเข้าข่ายเป็นการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรา 92 วงเล็บ 2 ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง
ดังนั้น พรรคก้าวไกล จึงเห็นว่า การแจ้งข้อเท็จจริงเพื่อให้พรรคก้าวไกลและแสดงหลักฐานว่าไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกร้อง จึงมีแต่ความคลุมเครือไม่ชัดเจน ทั้งๆที่ข้อกล่าวหาร้ายแรงถึงขั้นยุบพรรคการเมืองได้ พร้อมยืนยันว่าการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายส่วนราชการในพระองค์ตามที่ถูกร้องนั้น เป็นการทำหน้าที่ตามปกติที่ผู้แทนราษฎร พึงกระทำในการตรวจสอบและเสนอแนะเพื่อทำให้การจัดสรรงบประมาณในทุกหมวดทุกกระทรวงทุกหน่วยรับงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชน มีความโปร่งใส เหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของอธิปไตยมากที่สุด
ชัยธวัช กล่าวย้ำว่า "การกระทำของผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล ไม่ใช่การกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามที่ถูกกล่าวหาและไม่สามารถเป็นเหตุอันชอบธรรมที่นำไปสู่การสั่งยุบพรรคได้ ตรงกันข้ามการทำหน้าที่ของผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล มีแต่จะทำให้ผลประโยชน์สูงสุดและอำนาจสูงสุดของประชาชนปรากฏเป็นจริงผ่านระบบรัฐสภาตามหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย ทั้งจะยังสนับสนุนให้สถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่อย่างสอดคล้องกับสังคมประชาธิปไตยมีพระราชสถานะเป็นที่เคารพสักการะกันเช่นในนานาอารยประเทศ ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขใต้รัฐธรรมนูญ"
ด้าน เบญจา ยืนยันว่า กระบวนการในการพิจารณางบประมาณประจำปีและหน้าที่ในการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติโดยแท้ และถือเป็นขั้นตอนตามปกติของการจัดทำงบประมาณแผ่นดินที่สภาผู้แทนราษฎรจะมีส่วนร่วมในการพิจารณาตรวจสอบแก้ไขและปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ซึ่งตนอภิปรายตามรายการที่แสดงเป็นชื่อโครงการและหน่วยงานรับงบตามที่ปรากฏอยู่ในเอกสารงบประมาณทั้งสิ้น และเมื่อส่วนราชการทุกหน่วยของบประมาณเข้ามา ถ้า ส.ส.มีจิตใจที่เป็นธรรมแล้ว ตัดชื่อของหน่วยงานออกไป โดยไม่ได้สนใจถึงชื่อหน่วยงานรับงบฯเลยนั้น ตนเชื่อโดยสนิทใจว่า ถ้าเราเห็นงบประมาณที่ขอจัดสรรโดยไม่เหมาะสมเช่นนี้ เราก็คงต้องทำหน้าที่เสนอตัดงบฯตามสมควรเช่นกัน อีกทั้งจากการลงพื้นที่ประชาชนทุกคนต่างตอบรับและชื่นชมพร้อมเป็นกำลังใจให้กับพรรคก้าวไกล ประชาชนเห็นด้วยว่าควรให้มีการตรวจสอบและมีการอภิปรายการพิจารณางบประมาณส่วนราชการในพระองค์ของพรรคและให้ตนได้ทำหน้าที่ในการตรวจสอบเช่นนี้ต่อไป
พร้อมกันนี้ 'เบญจา' เน้นย้ำว่าความมั่นใจในกรณีนี้และในฐานะผู้แทนราษฎรที่จะยังทำหน้าที่ในการพิจารณาและตรวจสอบงบประมาณต่อไปและจะไม่สิ้นหวังในการทำหน้าที่รับใช้ประชาชนในครั้งนี้และในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลแทนประชาชนรวมถึงการอนุมัติงบประมาณประจำปีนี้ด้วย
"จะยังยืดยืนหยัดยืนตัวตรงประจันหน้าอย่างไม่หวั่นเกรงต่อผู้มีอำนาจและการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเรียกหาศรัทธาและความเชื่อมั่นให้กับสภาผู้แทนว่า จะยังคงเป็นพื้นที่เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายในการทำหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณและรักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง"
ขณะที่รังสิมันต์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า คือการทำให้ ส.ส.และ สภาฯไม่สามารถทำหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็นได้ ถ้ามองอย่างเป็นธรรมกับการที่มีหน่วยงานของบประมาณจากประชาชน ก็ต้องพิจารณาในสภาฯอยู่แล้ว การที่ ส.ส.อภิปรายและเห็นว่าควรจะตัดงบประมาณอย่างไรนั้น คืออำนาจที่ ส.ส.มี ถ้าไม่สามารถตรวจสอบหรือตัดงบฯได้ ตนก็แน่ใจว่า จะมีสภาฯและจะมี ส.ส.ไว้ทำไม
เพราะการตัดลดงบประมาณก็ไม่สามารถทำได้ เมื่อพยายามจะทำก็จะโดนร้องดำเนินคดีเพื่อนำไปสู่การยุบพรรคการเมือง จึงเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การสร้างความกลัวที่ไม่ใช่กับพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่ความกลัวนี้ ที่ผู้ร้องและคนที่เป็นผู้กำกับต้องการแสดงไปถึง ส.ส.ทุกคนในสภา ฯ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ยอมให้เกิดความกลัวแบบนี้อีกต่อไปและจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
"เราจะไม่ยอมให้เกิดความกลัวนี้ต่อไป จะยังคงเดินหน้าทำหน้าที่อย่างตัวตรง เพื่อเป็น ส.ส.ของประชาชนอย่างแท้จริง แม้กำลังเผชิญกับความยากลำบาก"