วันที่ 31 ม.ค. ที่พรรคเพื่อไทย ได้มีการจัดเสวนา 'หยุด ประยุทธ์ หยุด คอร์รัปชั่น หยุด ยาเสพติด หยุด ธุรกิจสีเทา' โดยผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน หัวหน้าพรรค และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มนพร เจริญศรี ส.ส. นครพนม กรรมการบริหารพรรค และ จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม.
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องหยุดประยุทธ์ เพราะรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทำลายระบบการเมืองที่เป็นธรรม เป็นบ่อเกิดของธนาธิปไตยหรือธุรกิจการเมือง การซื้อเสียง อีกทั้งแนวทางการบริหารประเทศที่ล้มเหลวในหลายด้าน ยังได้พรากโอกาสที่ควรได้รับไปจากประชาชน รวมถึงการจับกุมคุมขังเยาวชนที่เห็นต่างด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างล้นเกิน มากกว่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา
"ถ้าผู้มีอำนาจไม่เห็นความสำคัญ ปล่อยให้มีคนตาย ผมว่าประเทศนี้จะอยู่ไม่ได้ จะเกิดเป็นวิกฤตซ้อนขึ้นมาเรื่องของสิทธิเสรีภาพ การต่อสู้ ผมบอกด้วยความหวังดี ผู้มีอำนาจในขณะนี้ต้องเร่งแก้ไข เห็นชีวิตคนเป็นสิ่งสำคัญ อะไรที่ทำได้ต้องทำ" นพ.ชลน่าน กล่าว
เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศตนเป็นนักการเมือง คือช่องทางหยุดประยุทธ์ได้โดยการใช้ปากกาในคูหาเลือกตั้ง คือไม่เลือกพรรคองคาพยพของ พล.อ.ประยุทธ์ คือการหยุดประยุทธ์ด้วยอำนาจของประชาชนที่ชอบธรรมตามตัวบทกฎหมาย เชื่อว่าหากประชาชนพิพากษาด้วยผลคะแนน พล.อ.ประยุทธ์ จะยอมหยุด กลับบ้านไปเลี้ยงหลาน ตามที่ประชาชนเรียกร้อง
พิชัย ชี้ว่า เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดัชนีการทุจริตคอร์รัปชันในไทยตกต่ำที่สุด ดังที่ปรากฏเป็นข่าวหลายกรณี รวมถึงด้านนโยบายผูกขาดกระทบกับประชาชน แต่ที่แย่สุดคือทุจริตด้านอำนาจต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน แม้ไม่มีความสามารถแต่ยังสืบทอดอำนาจต่อ ใครวิพากษ์วิจารณ์ก็ถูกเรียกตัวปรับทัศนคติ เช่นตนที่เคยถูกเรียกตัวถึง 12 ครั้ง
ในปีนี้ ทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่เป็นดังระเบิดเวลาที่รออยู่ ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันไม่สามารถหาทางแก้ได้ เช่น ปัญหาเงินเฟ้อสูงเป็นประวัติการณ์ สวนทางกับรายได้ของประชาชน ค่าพลังงานแพงขึ้น เรื่องทั้งหมด พล.อ.ประยุทธ์ ไม่รู้เรื่องและปล่อยไปตามยถากรรม ซึ่งเป็นผลมาจากการทุจริตทางอำนาจ
"พรรคเพื่อไทยมีทางออกหมด ขอให้มั่นใจว่าเราสามารถเข้ามาแก้ไข และทำให้ท่านมีความสุขได้ การแก้ทุจริตเชิงอำนาจคือต้องเลือกพรรคเพื่อไทยเยอะๆ ให้สามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจของประเทศได้" พิชัย กล่าว
มนพร เผยว่า จ.นครพนม มีการทะลักเข้ามาของยาเสพติดจากชายแดนค่อนข้างสูง ประชาชนต่างตั้งความหวังกับพรรคไทยรักไทย นำโดย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งใช้สโลแกน 'ไม่มีเรื่องใดที่ตำรวจไทยไม่รู้' ซึ่งนำมาสู่การแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเห็นผล ชัดเจนว่ามีเพียงรัฐบาล ทักษิณ ที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ตก
มนพร ชี้ว่า ปัญหายาเสพติดกำลังแทรกซึมอยู่ในกลุ่มผู้มีอิทธิพล ทั้งพ่อค้า นายทุน นักการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่น เป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่สาวไปไม่ถึง ไม่มีการแก้โครงสร้างบริหาร ทั้งยังไม่เคยสร้างขวัญกำลังใจให้ตำรวจชั้นผู้น้อย นำมาสู่การทุจริตในอำนาจหน้าที่ แม้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทำงาน แต่กลับถูกผู้บังคับบัญชาเอาความดีความชอบ
"ตลอดระยะเวลาการบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคร่วมฝ่ายค้านพยายามชี้ให้เห็นถึงปัญหานี้ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็เปรียบเหมือนสีซอให้ควายฟัง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยรับฟังแก้ไข" มนพร กล่าว
จิรายุ กล่าวว่า 7-8 ปีมานี้ คนไทยตาปิดไม่ค่อยลง เพราะถูกแฟกตามาตลอด รัฐบาลเคยบอกว่าจะปฏิรูปวงการต่างๆ สุดท้ายไม่ได้สักรูป คำยอดฮิตสมัยโบราณ คือเมื่อหัวไม่ส่าย หางไม่กระดอก เช่นเดียวกัน หากหัวหน้าไม่สั่งการ หางย่อมไม่กล้าจะกระดิก ยุคนี้เป็นครั้งแรกที่มีทุนสีเทาปรากฏขึ้นในสังคม ล้วนเกิดจากหัวส่าย หางจึงกระดิก
"บ้านเมืองเป็นอย่างนี้เพราะทุกอย่างแหกตามาตั้งแต่ต้น ถ้ามันไม่มีการแหกตาในลักษณะเช่นนี้ จับกุม คุมขัง กวดขันให้เรียบร้อย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกนโยบาย จะยกเลิกด่านหรือไม่ ถ้าดำเนินการอย่างนี้ ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่เมื่อผู้บังคับบัญชาไม่พูด ลูกน้องจึงคิดว่าคงทำได้" จิรายุ กล่าว
จิรายุ ย้ำว่า ผู้นำประเทศจึงมีความสำคัญในการกำชับสั่งการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตไล่เรียงมาตามลำดับชั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังขอต่ออีก 2 ปี จะรวมกันเป็น 11 ปี ถ้ามั่นใจก็ไปต่อ การเลือกตั้งครั้งหน้าตนเชื่อในดุลยพินิจของประชาชน จากที่ได้ประจักษ์มากับตัวเอง ว่าย่ำแย่แค่ไหน