ในการรายงานความคืบหน้าข้อตกลงทางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐฯ และจีน ให้กับสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ซึ่งนับเป็นสภานิติบัญญัติของประเทศ ‘หลี่เค่อเฉียง’ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนออกมาสาบานว่ารัฐบาลจะผลักดันการบวนการตกลงทางการค้าและการลงทุนอย่าง
หลี่เค่อเฉียง ประกาศว่า “เราจะทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อผลักดันให้ข้อตกลงทางการค้าและเศรษฐกิจระยะแรกระหว่างจีน-สหรัฐฯ ถูกนำมาใช้จริง...จีนจะยังเดินหน้ากระตุ้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับประเทศที่ให้ผลประโยชน์ร่วมกัน”
นอกจากนี้ นายกฯ จีน ยังย้ำว่าประเทศจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการปฏิรูปองค์การการค้าโลก หรือ WTO ทั้งยังมีแผนในการลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP กับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นเดียวกับการเจรจาพูดคุยเรื่องเขตการค้าเสรีกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ และจีนในช่วงที่ผ่านมานอกจากจะไม่ดีขึ้นแล้วกลับย่ำแย่ลงไปอีกตั้งแต่มีวิกฤตโรคระบาดขึ้นมา รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐฯ ก็ออกมากล่าวโทษจีนในประเด็นดังกล่าวอย่างหนัก รวมไปถึงปัญหาข้อพิพาทในตลาดการเงิน และการออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในฮ่องกงซึ่งหลายคนมองว่าเป็นเครื่องมือของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ในการกำจัดและควบคุมการเคลื่อนไหวทางการเมืองของฝั่งประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตาม ‘จางเหย่สุย’ โฆษกประจำการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ชุดที่ 13 ครั้งที่ 3 ย้ำว่า “ความสัมพันธ์ที่มั่นคงและเติบโตระหว่างจีนและสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนของทั้งสองประเทศ”
จางเหย่สุย ย้ำในช่วงท้ายว่า ความสำคัญอันดับแรกของรัฐบาลจีนตอนนี้คือการร่วมกับทุกคนในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 และทำให้เศรษฐกิจโลกเกิดความมั่นคง แต่เตือนว่าถ้าสหรัฐฯ ยังจะมีแนวคิดแบบสงครามเย็นต่อไปจีนก็จะโต้กลับเช่นกัน