ไม่พบผลการค้นหา
‘คำนูณ’ คาดหวัง ‘พิธา’ แสดงภาวะผู้นำ “รุกได้-ถอยเป็น” ขอให้ถอยเรื่องแก้ไข ม.112 เหตุนำสถาบันฯ ไปเทียบคนธรรมดา กระทบ รธน. มาตรา 6 ชี้ควรรักษาความสัมพันธ์กับกษัตริย์-ประชาชน

วันที่ 13 ก.ค. ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) วาระโหวตเลือกผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. ได้ลุกขึ้นอภิปราย โดยหยิบยกแนวปฏิบัติที่ระบุในบันทึกความเข้าใจร่วมกันของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล หรือ MOU ที่กำหนดว่า ภารกิจใดๆ จะไม่กระทบต่อสถานะของสถาบันกษัตริย์ฯ อันเป็นที่สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้

อย่างไรก็ตาม พิธา กลับยังยืนยันว่า พรรคก้าวไกลยังผลักดันแก้ไขมาตรา 112 ต่อไป เป็นวินาทีย้อนแย้งทางประวัติศาสตร์ แม้จะไม่ได้เสนอในฐานะรัฐบาล แต่เสนอในนามพรรคการเมือง คำนูณ ระบุว่า ตนยอมรับไม่ได้ในเรื่องนี้ เพราะขัดต่อแนวปฏิบัติใน MOU 

คำนูณ ยังกล่าวว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2562 ของพรรคก้าวไกล ไม่ได้บรรจุในระเบียบวาระ เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญ จนสิ้นสมัยประชุม ไม่ว่าจะขัดต่อมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญจริงหรือไม่ แต่ต้องกระทบแน่นอน เนื่องจากเนื้อหาระบุว่า ผู้ใดจะฟ้องร้องพระมหากษัตริย์มิได้ เท่ากับเป็นการคุ้มครองเด็ดขาด

แต่การเสนอแก้ไขของพรรคก้าวไกล เสนอให้ลดจากการคุ้มครองเด็ดขาด เป็นคุ้มครองแบบมีเงื่อนไข โดยมี 6 คำสำคัญ คือ 1.) ย้ายหมวด 2.) ลดโทษ 3.) ยกเว้นความผิด 4.) ยกเว้นโทษ 5.) ให้เป็นคดีที่ยอมความได้ และ 6.) จำกัดผู้ร้องทุกข์ การย้ายหมวดออกจากหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ เหมือนกระดุมเม็ดแรกที่กลัดผิด กลายเป็นการหมิ่นประมาทในระนาบของบุคคลธรรมดา มาใช้กับพระมหากษัตริย์

“ท่านนำเอาพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับความมั่นคงของรัฐ กับระบอบการปกครองของประเทศนี้ ลงมาเปรียบเทียบกับบุคคลธรรมดา และใช้มาตรฐานเดียวกัน”

“ข้อเสนอในการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ไม่กระทบเพียงแต่สถานะอันเป็นที่สักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้เท่านั้น ท่านนำเอาพระมหากษัตริย์มาเปรียบเทียบกับบุคคลทั่วไปทางสังคม ... เมื่อท่านลดสถานะของบุคคลที่มีสถานะสูงลงมาต่ำ ท่านต้องมีความจำเป็นต้องลดโทษของบุคคลทุกระดับลงไป”

คำนูณ มองว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การประณามหยามเหยียด ใส่ร้ายอย่างไม่เป็นธรรมก็เกิดขึ้น ตนและครอบครัวเคยเจอมาแล้ว เพียงตนอภิปรายในที่ประชุม สื่อนำไปลง ก็ถูกนำไปประณาม บุตรของตนโพสต์ให้กำลังใจตน ก็มีผู้ใช้สิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์อย่างเสียผู้เสียคน สังคมใหม่ที่กำลังจะสร้างขึ้นนี้ คิดดีแล้วหรือไม่ จึงเป็นสิ่งที่ตนไม่อาจเห็นด้วยกับหลักการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลได้

คำนูณ ยังเห็นว่า การเสนอแก้ไขดังกล่าว เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และทำนิรโทษกรรมให้ผู้มีความผิดมาตรา 112 ทาง ‘ประตูหลัง’ เพราะมีผลบังคับใช้ทันทีโดยไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ พร้อมชี้ว่าการแก้ไขมาตรา 112 ยังอีกยาวไกล และมีอีกหลายด่านที่ไม่น่าจะผ่านได้ง่ายๆ แต่ตนเคารพในแคนดิเดตนายกฯ ที่เคยกล่าวว่า ‘รุกได้ ถอยเป็น’

“ท่านมีความเป็นผู้นำ ท่านสันทัดในการ ‘รุกได้ ถอยเป็น’ ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา คนอย่างพวกผม มิไยที่จะพูดว่า เรื่องแก้ไขมาตรา 112 ถอยได้ไหม เว้นได้ไหม ท่านให้สัมภาษณ์มาโดยตลอดว่า ไม่ถอย ผมเข้าใจและเคารพว่าท่านและพรรคของท่าน เชื่อมั่นการแก้ไขปัญหาในแนวทางนี้ แต่ขอให้ท่านเคารพในการแก้ไขปัญหาของผม และสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่งด้วย”

“และผมก็เชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อย ที่เลือกหรือไม่เลือกพรรคร่วมรัฐบาล เขาไม่ได้เห็นว่ามาตรา 112 เป็นกฎหมายมาตราหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม และทางจริยธรรมที่สืบทอดมายาวนานของสังคมไทย ที่แสดงให้เห็นความผูกพันระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชน”

คำนูณ ระบุว่า ตนไม่เคยแสดงจุดยืนว่าจะโหวตอย่างไร เพราะตนรอจนนาทีสุดท้ายก่อนถึงวันนี้ เพื่อจะดูว่าความเป็นผู้นำที่ รุกได้ ถอยเป็น จะแสดงออกอย่างไร และตนจะเชื่ออย่างไร เพราะเพียงแต่ MOU ก็มีความย้อนแย้ง