ศูนย์วิจัยและพัฒนากฎหมาย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง หยุดพฤติกรรมสำนักข่าวทีนิวส์ก่อนกลายเป็นดาวสยาม 2562 จากรณี สำนักข่าวทีนิวส์ได้เผยแพร่บทความเรื่อง “เบ้าหลอมความคิด “ปฏิกษัตริย์นิยม” อาจารย์-นักวิชาการสาย ช่อ” มีในมหาลัยฯ ไหนบ้าง?” ในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ได้กล่าวหาบุคคลจำนวนมากว่าเป็น “เบ้าหลอมปฏิกษัตริย์นิยม” โดยเปิดเผยทั้งรายชื่อและสถานที่ทำงานของบุคคลเหล่านี้
ในฐานะที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง และด้วยความปรารถนาดีต่อสังคมไทย จึงขอประกาศว่าการกระทำของสำนักข่าวทีนิวส์เป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบทั้งในฐานะของเพื่อนมนุษย์และสื่อมวลชน ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
ประการแรก ข้อมูลที่สำนักข่าวทีนิวส์อ้างถึงเพื่อกล่าวหานักวิชาการทั้ง 69 คนเป็นข้อมูลที่บกพร่อง ผิดวิสัยมนุษย์ที่มีวิจารณญาณ เนื่องจากข้อกล่าวหาของสำนักข่าวทีนิวส์กับพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาไม่มีความสัมพันธ์กันแต่อย่างใด เพราะรายชื่อนักวิชาการทั้ง 69 คนดังกล่าวเป็นรายชื่อที่แสดงเจตนาสนับสนุนแถลงการณ์ ในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562 เรื่อง การแทรกแซงการเลือกตั้งและการคุกคามพรรคการเมือง คือการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยด้วยข้อกังวลต่อการดำเนินคดีต่อ ปิยบุตร แสงกนกกุล อันเนื่องมาจากการสร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการ แต่กลับถูกกล่าวอ้างอย่างคลุมเครือว่ามีการละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ (https://prachatai.com/journal/2019/04/81907)
การใช้ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเครื่องมือนั้นมีบทเรียนหลายครั้งแล้วว่าสามารถนำไปสู่การใช้ความรุนแรง และการดำเนินคดีดังกล่าวยังมีเหตุจูงใจเพื่อเป็นผลประโยชน์ทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไป
ประการที่สอง ข้อกล่าวหาว่า “ปฏิกษัตริย์นิยม” เป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงทั้งต่อบุคคลที่ถูกกล่าวหาและสังคมไทยและเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเพราะการกล่าวหาโดยปลุกกระแสว่าบุคคลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็น “ปฏิปักษ์” กับสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นนอกจากจะไม่ตรงกับข้อเท็จจริงแล้ว ยังเป็นการใส่ร้ายให้ผู้ถูกกล่าวหาถูกดูหมิ่นเกลียดชังที่อาจก่อให้เกิดการความเสียหายต่อชื่อเสียง ทรัพย์สิน ความผาสุก และเป็นเงื่อนไขให้เกิดการใช้ความรุนแรงในสังคม ดังที่มีตัวอย่างประจักษ์ชัดในประวัติศาสตร์ไทย
ประการที่สาม การกระทำของสำนักข่าวทีนิวส์หาใช่วิสัยของสื่อมวลชน เพราะขาดมาตรฐานทั้งทางวิชาชีพและมนุษยธรรม ด้วยการใช้ข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง เลื่อนลอย และผิดกฎหมายต่อบุคคลอื่นโดยขาดการตรวจสอบข้อเท็จจริง ละเลยสิทธิเสรีภาพของประชาชน และจงใจสร้างความแตกร้าวและเกลียดชังในสังคม ย่อมไม่สามารถกล่าวอ้างเสรีภาพของสื่อมาใช้เป็นเครื่องมือทำลายล้างผู้อื่น
ความเห็นที่แตกต่างระหว่างฝ่ายต่างๆ ในสังคมไทยเป็นเรื่องที่สามารถบังเกิดขึ้นได้ รวมถึงการโต้แย้งและถกเถียงกันบนพื้นฐานของการใช้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และเหตุผล เพื่อทำให้เกิดการเรียนรู้ที่จะดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เราต้องร่วมกันปกป้องเพื่อไม่ให้เกิดการใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อทำลายล้างอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่ยืนอยู่ข้างเดียวกันหรือคนละฝ่ายก็ตาม
จากเหตุผลทั้งสามประการ พวกเราขอประกาศว่าการกระทำของสำนักข่าวทีนิวส์เป็นปฏิปักษ์ต่อความผาสุกของสังคมไทย ศักดิ์ศรีของสื่อมวลชน เสรีภาพทางวิชาการ และสิทธิส่วนบุคคล พวกเราซึ่งมีรายชื่อในแถลงการณ์ฉบับนี้ขอยืนยันว่าจะดำเนินการทางทั้งกฎหมายและทางสังคมต่อสำนักข่าวทีนิวส์อย่างถึงที่สุด เพื่อประโยชน์ของสาธารณชนและดำรงไว้เป็นบรรทัดฐานต่อไป
โดยแถลงการณ์ดังกล่าว ได้ลงนาม 4 นักวิชาการ ประกอบไปด้วย ดร.ดรุณี ไพศาลพาณิชย์กุล ,ดร.นัทมน คงเจริญ,รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล,นายสงกรานต์ ป้องบุญจันทร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่