ต่างประเทศ
ข้าราชการซิมบับเว จนเกินกว่าจะไปทำงาน หลังเงินเฟ้อรุนแรง
สภาเอเป็กซ์ (Apex Council) กลุ่มสหภาพซึ่งประกอบด้วยสหภาพของหน่วยงานภาครัฐ 14 กลุ่ม เผยว่าได้กล่าวกับรัฐบาลในวันจันทร์ (14 ต.ค.) ว่าสมาชิกของกลุ่มสหภาพทั้ง 230,000 คน ซึ่งนอกเหนือไปจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและสาธารณสุข ไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้อีกแล้ว
ทางบลูมเบิร์ก รายงานว่าเซซิเลีย อเล็กซานเดอร์ ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร (15 ต.ค.) ว่าค่าเงินของซิมบับเวลดลงอย่างมาก ข้าราชการที่เดิมได้เงินเดือนเฉลี่ยเดือนละเทียบเท่า 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 15,000 บาท) ตอนนี้เหลือเพียงเดือนละ 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1,200 บาท) ตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
อเล็กซานเดอร์ ชี้ว่าปัจจุบันข้าราชการบางส่วนต้องกู้ยืมเงินเพื่อเป็นค่าเดินทางไปทำงาน
สำหรับคำถามว่านี่คือการประท้วงหยุดงานหรือไม่ โธมัส มูซอนโด ประธานร่วมของสภาเอเป็กซ์ ตอบว่าคนทำงานจะไปทำงานเมื่อสามารถไปทำงานได้
"นี่คือสถานการณ์ที่คนไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้ พวกเขาอยากไปทำงานนะ แต่ไม่สามารถ มันต่างกับการนัดหยุดงาน" มูซอนโดกล่าว
รอยเตอร์ส รายงานว่าทางกลุ่มสหภาพเรียกร้องให้มีการจ่ายค่าจ้างข้าราชการโดยอิงกับดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กล่าวคือพวกเขาต้องการให้ลูกจ้างรัฐที่ได้รับค่าจ้างต่ำที่สุดอยู่ที่ 1,023 ซิมบับเวดอลลาร์ต่อเดือน (ราว 2,000 บาท) หรือเทียบเท่า 67 ดอลลาร์ต่อเดือนในปัจจุบัน ต้องได้รับเงินเดือนเทียบเท่ากับ 475 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 14,400 บาท) หรือมูลค่าก่อนสถานการณ์เงินเฟ้อจะรุนแรงเท่ากับในปัจจุบัน
เมื่อเดินกันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลเสนอขึ้นค่าจ้างให้ข้าราชการ 76 เปอร์เซ็นต์ แต่ทางสหภาพยังคงปฏิเสธเนื่องจากค่าจ้างเพียงเท่านั้นยังไม่ถึงขั้นต่ำสุดของข้อเรียกร้อง
ราคาสินค้าตามร้านค้าอย่างน้ำตาล น้ำมันทำอาหาร และแป้งข้าวโพดนั้น มีการขึ้นราคาอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเนื่องจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินในประเทศกระทั่งค่าจ้างตามไม่ทัน ในเดือนกันยายนเพียงเดือนเดียว สินค้ามีราคาสูงขึ้นถึง 17.7 เปอร์เซ็นต์จากเดือนก่อนหน้า และแม้ว่าทางรัฐบาลจะยังไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลเปรียบเทียบต่อปี แต่ทางบลูมเบิร์กระบุว่ามีการประเมินโดยบรรดานักเศรษฐศาสตร์ว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในช่วง 230 ถึง 570 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว
แพทย์โรงพยาบาลรัฐบางส่วนได้ประท้วงหยุดงานมาตั้งแต่ 3 กันยายน เพื่อเรียกร้องค่าจ้างที่มากขึ้น และจะไม่ยอมกลับไปทำงานแม้ว่าศาลจะตัดสินว่าการกระทำของพวกเขาผิดกฎหมาย
รัฐบาลของเอ็มเมอร์สัน อึมนังกากวา กำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงถึงระดับเลขสามหลัก การขาดแคลนเงินดอลลาร์ เชื้อเพลิง ขนมปัง และการลดจ่ายไฟฟ้าที่กระทบต่อเหมืองและอุตสาหกรรมอื่นๆ
สำนักข่าวรอยเตอร์ส ชี้ว่าการที่รัฐบาลยกเลิกการอุดหนุนเชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้า รวมถึงการจะนำสกุลเงินซิมบับเวดอลลาร์กลับมาใช้ใหม่ เร่งการเกิดเงินเฟ้อและดับความหวังในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
วิกฤตในครั้งนี้ซ้ำรอยกับเมื่อสมัยของโรเบิร์ต มูกาเบ ประธานาธิบดีคนก่อนที่เพิ่งถึงแก่อสัญกรรมไป โดยในปี 2008 นั้น เกิดอัตราเงินเฟ้อขั้นรุนแรงถึง 500,000 เปอร์เซ็นต์ และคนทำงานต่างหยุดเข้างานกันเนื่องจากเงินเดือนไม่มีค่าอีกต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
