คำเรียกร้องในครั้งนี้ของพรรคเมารี เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ครบรอบ 182 ปี การลงนามในสนธิสัญญาวาตังงี หรือ เตอ ตีรีตี โอ วาตังงี ซึ่งเป็นสนธิสัญญาที่หัวหน้าเผ่าเมารีต่างๆ ในนิวซีแลนด์ ได้ลงนามร่วมกับสหราชอาณาจักร ในการมอบอำนาจอธิปไตยในการปกครองประเทศไปให้แก่เจ้าอาณานิคม
ราวีรี ไวตีตี ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเมารีปาตี ซึ่งเป็นผู้รณรงค์การหย่าขาดของนิวซีแลนด์ออกจากราชวงศ์อังกฤษเปิดเผยว่า ชนพื้นเมืองกับราชวงศ์อังกฤษในทุกวันนี้ เปรียบเสมือนคู่สมรสที่จะต้องทำการหย่าร้างกัน โดยนิวซีแลนด์เปรียบเสมือนลูกของคู่สมรส ที่ถึงแม้ว่าทั้งสองจะหย่าร้างกันแล้ว แต่ก็ต่างต้องรับผิดชอบต่อลูกของตนเอง “นี่จะเป็นโอกาสในการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ที่มีความหมายมากขึ้นและเติมเต็มการเป็นพันธมิตรกัน” ไวตีตีกล่าว
สนธิสัญญาดังกล่าวเป็นการประกันและคุ้มครองสิทธิชาวเมารีโดยราชวงศ์อังกฤษ บนที่ดินของชนพื้นเมือง อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลา 100 ปีที่ผ่านมา ชาวเมารีกลับสูญเสียที่ดินกว่า 90% ไปกับการริบทรัพย์สินจากราชวงศ์ การขายที่ดินให้เอกชนหรือภาครัฐ ตลอดจนแนวปฏิบัติของศาลในการไม่รับรองการถือครองที่ดินร่วมกันของชนกลุ่มน้อย
จากผลสำรวจเมื่อปี 2564 นั้น 1 ใน 3 ของประชาชนนิวซีแลนด์ ต้องการตัดความสัมพันธ์กับราชวงศ์อังกฤษ ในขณะที่ประชาชน 47% ไม่ต้องการการตัดความสัมพันธ์ และ 20% ไม่ได้ตัดสินใจ นอกจากนี้ จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ยังเปิดเผยมาตลอดว่า เธอเป็นผู้นิยมสาธารณรัฐ และคาดว่าภายในช่วงชีวิตของเธอ เธอจะได้เห็นวันที่นิวซีแลนด์กลายเป็นสาธารณรัฐที่ตัดขาดตนเองออกกจากราชวงศ์อังกฤษ
ปัจจุบันนี้ พรรคเมารีครองที่นั่งในรัฐสภานิวซีแลนด์เพียงแค่ 2 ที่นั่ง แต่สองที่นั่งของพรรคชนพื้นเมืองพยายามผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศ รวมถึงความพยายามในการจัดตั้งรัฐสภาของชนเผ่าเมารี และการสร้างที่ทางให้แก่ชนพื้นเมืองเดิม ก่อนการเข้ามาของเจ้าอาณานิคมอย่างสหราชอาณาจักร เพื่อให้ชาวเมารีสามารถบริหารด้วยรัฐบาลปกครองตนเองได้
ที่มา: