วันที่ 6 มี.ค. 67 ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อกระแสข่าว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทย โดยเทียบเคียงกับกรณี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ลิณธิภรณ์ กล่าวแสดงความยินดีต่อ ยิ่งลักษณ์ ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 พิพากษายกฟ้องคดีการจัดจ้างโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2022 โดยให้เหตุผล ไม่พบว่ามีเจตนาในการเอื้อประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้าง และมีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับ ยิ่งลักษณ์ ด้วย ซึ่งถือเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และความสุจริตในการบริหารราชการแผ่นดิน
ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม กลับมี สส. ฝ่ายค้านที่สาละวนสร้างวาทกรรมโจมตีกระบวนการยุติธรรม แสร้งเมินเฉยต่อข้อเท็จจริงที่ว่า ยิ่งลักษณ์ ประสบกับความอยุติธรรมมาอย่างไรบ้าง จากการรัฐประหารยึดอำนาจ พ.ศ. 2557 มากไปกว่านั้น ฝ่ายค้านยังไม่เลิกจุดชนวนความขัดแย้ง ด้วยวาทกรรม “ทักษิณโมเดล” ทั้งที่กระบวนการทุกอย่างเป็นไปตามบทบัญญัติและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ขอถามฝ่ายค้าน ณ วันนี้ว่า มีข้อกฎหมายใดที่ชี้ว่า กระบวนการราชทัณฑ์ต่อทักษิณนั้นผิดหรือไม่ มิฉะนั้นนอกจากจะเป็นเพียงข้อกล่าวหาเลื่อนลอยแล้ว ยังถือว่าจงใจสร้างความเข้าใจผิดและเกลียดชังในสังคมด้วย เพราะไม่ว่า ยิ่งลักษณ์ จะกลับประเทศไทยเมื่อใด ก็ไม่มีโมเดลอะไรทั้งสิ้น คนไทยทุกคนอยู่เท่าเทียมกันภายใต้กฎหมายเดียวกัน นั่นคือ ภายใต้หลักนิติธรรม ตามที่รัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน ประกาศเจตจำนงยึดมั่นเสมอมา
“หยุดสร้างวาทกรรม หยุดสร้างความกลัว ประเทศชาติเสียโอกาสมากมายหลังการทำรัฐประหารปี 2557 ไม่อย่างนั้นเราคงมีรถไฟฟ้าความเร็วสูง ระบบการบริหารจัดการน้ำคงเป็นรูปธรรม แต่เพราะวาทกรรม เพียงแต่ต้องการมุ่งลดทอนคุณค่า ทั้งอดีตนายกทักษิณ และท่านนายกยิ่งลักษณ์ จนไม่สนใจว่าประเทศชาติได้ประโยชน์อะไรกับสิ่งเหล่านี้“ ลิณธิภรณ์ กล่าว