เบรนตัน ทาร์แรนท์ ชายชาวออสเตรเลียวัย 29 ปี ผู้นิยมลัทธิความเหนือกว่าของคนขาว ยอมรับความผิดในข้อหาฆาตกรรมชาวมุสลิมที่กำลังประกอบพิธีทางศาสนา 51 คน รวมถึงข้อหาพยายามฆ่าคนอีก 40 กระทงเท่ากับจำนวนผู้บาดเจ็บ และอีก 1 ข้อหาก่อการร้าย ในเหตุกราดยิงที่มัสยิด 2 แห่งในเมืองไครสต์เชิร์ชเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2562 ซึ่งทาร์แรนท์ยังได้ถ่ายทอดสดภาพเหตุการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก
ผู้พิพากษาศาลสูงเรียกการกระทำของทาร์แรนด์ว่าป่าเถื่อนและแสดงให้เห็นถึงการไร้ความเมตตา ต่อให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตก็ยังไม่เพียงพอ โดยการรับโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีทัณฑ์บนคือบทลงโทษที่สงวนไว้สำหรับผู้ก่อเหตุฆาตรกรรมที่ร้ายแรงอย่างมาก ขณะที่ระบบยุติธรรมนิวซีแลนด์ไม่มีโทษประหารชีวิต
รายงานระบุว่า ทาร์แรนท์ที่ขึ้นศาลในชุดนักโทษสีเทาและถูกล้อมด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่มีปฏิกิริยาต่อการตัดสินโทษ อัยการแจ้งกับศาลก่อนหน้านี้ว่า ทาร์แรนท์ต้องการสร้างความกลัวให้กับกลุ่มคนที่เขาเรียกว่าผู้บุกรุก เขาจึงวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อให้การโจมตีนองเลือดมากที่สุด
ทาร์แรนท์ถูกทางการออสเตรเลียเรียกว่าเป็นผู้ก่อการร้ายปีกขวาสุดโต่ง โดยเกิดในรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย มีพ่อเป็นคนเก็บขยะและมีแม่เป็นครู หลังพ่อของเขาจากไปเมื่อปี 2553 ทาร์แรนท์ก็ลาออกจากงานและเดินทางไปในหลายพื้นที่ของเอเชียและยุโรป โดยย่าของเขาเผยกับสำนักข่าวท้องถิ่นออสเตรเลีย เชื่อว่าการเดินทางดังกล่าวเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงทาร์แรนท์ ซึ่งทาร์แรนท์ย้ายมานิวซีแลนด์เมื่อปี 2560 และเริ่มวางแผนโจมตีชุมชนชาวมุสลิม
ทั้งนี้ เหตุโจมตีที่เกิดขึ้นได้ส่งผลให้นิวซีแลนด์ปฏิรูปกฎหมายอาวุธปืน โดยไม่ถึง 1 เดือนหลังเหตุกราดยิง รัฐสภานิวซีแลนด์ได้มีมติ 119 ต่อ 1 แบนอาวุธกึ่งอัตโนมัติแบบทหารเช่นเดียวกับชิ้นส่วนต่างๆ ที่อาจใช้เพื่อทำอาวุธปืนต้องห้าม ขณะที่รัฐบาลก็ได้เสนอเงินชดเชยให้กับเจ้าของอาวุธปืนที่เพิ่มถูกทำให้ผิดกฎหมายในรูปแบบการซื้อคืน โดยก่อนหน้านี้ จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ก็ระบุว่ายังมีอีกหลายอย่างต้องทำเพื่อหยุดยั้งการสร้างความคิดแบบหัวรุนแรงในประเทศ
อ้างอิง The Straits Times / BBC