ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ระบุไม่สบายใจ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรคก้าวไกลใช้วาทกรรมคนรุ่นใหม่แบ่งแยกคนในสังคม ว่าถ้าอัครเดชฟังสิ่งที่พิธาสื่อสารแล้วไม่สบายใจ นั่นอาจเป็นปัญหาส่วนตัวเกี่ยวกับตีความของอัครเดชเอง
เพราะสิ่งที่พิธาพูดคือการพยายามเชิญชวนให้สังคมมองกรณีคุณทานตะวันและเหตุการณ์ขบวนเสด็จโดยไม่แยกขาดจากการเมืองภาพใหญ่ เพราะไม่ว่าอัครเดชจะยอมรับหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงคือความขัดแย้งทางการเมืองของสังคมไทย โดยเฉพาะที่ต่อเนื่องจากการชุมนุมที่นำโดยคนรุ่นใหม่เมื่อปี 2563 วันนี้ยังคงอยู่ โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกพูดถึงก็คือสิ่งที่พิธาเรียกว่า “ความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนใจ”
“สิ่งที่น่าไม่สบายใจ ไม่ใช่คำพูดของพิธา แต่คือการที่สังคมไทยยังไม่มีพื้นที่ให้แต่ละฝ่ายที่เห็นต่างกันได้พูดคุยเพื่อหาทางออกจากความขัดแย้ง กลับใช้นิติสงครามกดปราบ ผลักไสอีกฝ่ายเป็นคนไม่รักชาติ หรือเลวร้ายกว่านั้นคือลุกลามเป็นการใช้กำลัง หวังให้อีกฝ่ายไม่เหลือที่ยืน นี่ต่างหากคือสิ่งที่น่าไม่สบายใจ น่าเป็นห่วงต่ออนาคตประชาธิปไตยไทย“ ภคมนกล่าว
รองโฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่า จึงขอให้อัครเดช ซึ่งด้วยวัยวุฒิเรียกได้ว่าเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เลิกกล่าวหาคนอื่นใช้วาทกรรมแบ่งแยก และลองทบทวนดูว่าความขัดแย้งตลอดหลายสิบปีในสังคมไทยเกิดจากอะไรกันแน่ สิ่งใดที่แบ่งแยกคนออกจากกัน เป็นเพราะคำพูดของคนไม่กี่คนหรือเพราะประชาชนรับรู้ถึงความผิดปกติ ความอยุติธรรมว่ามันมีอยู่จริง ถ้าตั้งหลักแบบนี้ได้ อัครเดชและพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะพรรครัฐบาล สามารถมีบทบาททำให้ความขัดแย้งเหล่านี้คลี่คลายลง แม้การกระทำที่ผ่านมาของอัครเดชและพรรครวมไทยสร้างชาติ จะทำให้ตนคาดหวังได้ยาก แต่ก็ขอฝากให้พิจารณา