วันที่ 4 มี.ค. 2566 ภายหลังการขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงที่ จ.ปทุมธานี สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค และชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนถึงบรรยากาศในการลงพื้นที่ จ.ปทุมธานี โดย สันติ กล่าวว่า วันนี้ได้ออกพื้นที่ใน จ.ปทุมธานี ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีของประชาชน ทำให้ตน และชัยวุฒิ รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 7 คนของ จ.ปทุมธานี มั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน 

เมื่อถามว่า มีความมั่นใจมากแค่ไหนกับ จ.ปทุมธานี เพราะทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทยก็มีกุนซือ และนักการเมืองท้องถิ่นคุมพื้นที่ สันติ ตอบว่า ตนมั่นใจในความสามัคคีของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะพี่ใหญ่ของพวกเรา (เสวก ประเสริฐสุข อดีตนายก อบต.เชียงรากใหญ่ จ.ปทุมธานี) ได้ทำงานเสียสละเพื่อพี่น้องชาวปทุมธานีจนประจักษ์ 

ส่วนในเรื่องของการแบ่งเขตของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยนั้น สันติ กล่าวว่า ตนมองว่ามีความกระทบน้อยมาก เพราะมีเพียงแค่ 8 จังหวัดที่มีจำนวน ส.ส.พึงมี เพิ่ม และลด เพราะฉะนั้นพรรคพลังประชารัฐมองว่าไม่ได้เป็นปัญหาเพราะมั่นใจในนโยบายที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐต้องการก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อให้ประชาชนได้มีความรักใคร่สามัคคี และมีพลังในการเดินหน้าต่อสู้กับวิกฤตอื่นๆ ได้ 

เมื่อถามว่าจะมีการพูดคุยเรื่องการปรับเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส. ในจังหวัดที่มีการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส. พึงมี เมื่อไหร่นั้น สันติ ระบุว่า ต้องรอหลังจากที่มีการยุบสภา พรรคพลังประชารัฐถึงจะพูดคุยในรายละเอียด ซึ่งคณะผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐสามัคคีกัน และมองว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้ไม่ได้มีปัญหา 

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเกิดอาการมือบวมจนต้องแอดมิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ สันติ กล่าวว่า ความจริงเราก็รักเคารพท่าน และขณะนี้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีของพวกเราอยู่ เราก็คงส่งใจให้กำลังใจท่านให้หายไวๆ 

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังสอบถามว่า มีนักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดูเป็นประชานิยม สันติ กล่าวว่า ไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่เป็นนโยบายสร้างเสริมโครงสร้างทางเศรษฐกิจ แต่ว่านโยบายหลายอย่างที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนก็ต้องมีแรงจูงใจบ้างแต่ไม่ได้ใช้เงินจนเลยเถิดโครงสร้างทางการเงินของรัฐบาล และตนก็อยู่กระทรวงการคลังย่อมรู้ว่า ต้องใช้เงินขนาดไหนระบบเศรษฐกิจของประเทศจึงจะรับได้ 

ขณะที่ ชัยวุฒิ กล่าวถึงการไปลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ของ พล.อ.ประวิตร ว่า เป็นการแบ่งกันทำงานแบบดาวกระจายในหลายๆ ภาค ซึ่งวันนี้ในภาคกลางก็มีตน และเลขาธิการพรรคมาหาเสียง และเรามีทีมงานคุณภาพที่ลงไปหาเสียงช่วยพี่น้องประชาชนในหลายพื้นที่อยู่แล้วซึ่งไม่ต้องรอหัวหน้าพรรค และในวันนี้ที่ พล.อ.ประวิตร ไปภาคใต้ก็เพราะท่านมีความผูกพันกับภาคใต้อยู่แล้ว โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช ก็มี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐอยู่ 4 คน

รวมถึงท่านเคยลงไปช่วยประชาชนในเรื่องของการสร้างอาคารโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และมีกำหนดจะไปวางศิลาฤกษ์แต่ติดภารกิจจึงไม่ได้ไป ส่วนที่ไปห่มผ้าพระธาตุนั้นไม่ได้เป็นการไปแก้เคล็ดหรือเสริมดวงแต่อย่างใด เพียงแต่ท่านเป็นชาวไทยพุทธที่ไหว้พระสวดมนต์เป็นประจำอยู่แล้วจึงไปทำบุญในโอกาสวันมาฆบูชา