ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำทีมผู้บริหาร อาทิ นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวง, นายแพทย์พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวง ร่วมประชุมทางไกลกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ แถลงจุดยืนสนับสนุนการแบน 3 สารเคมีอันตราย ในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นไปตามมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย
นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขทราบถึงผลกระทบของการใช้สารเคมี อาทิ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ซึ่งไม่ได้เพียงสร้างผลเสียต่อสุขภาพของเกษตรกร เกิดแผลพุพอง ทุกข์ทรมาน แต่ยังตกค้างในผักผลไม้ กระทบต่อผู้บริโภค มีผลวิจัยยืนยันข้อมูล ทั้งนี้ สารดังกล่าวเมื่อถูกชะลงน้ำ จะเข้าไปปนเปื้อนในพืชผักผลไม้ สร้างอันตรายเป็นวงกว้าง
"จุดยืนของเรามีเพียงอย่างเดียวคือแบนสารพิษ และต้องแบนในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เป็นไปตามมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ไม่เห็นควรให้เลื่อนออกไปอีก ขอให้รับทราบโดยทั่วกัน"
ด้านนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การใช้สารเคมีอันตรายทั้ง 3 ชนิด เกิดผลกระทบต่อสุขภาพแก่ประชาชนอย่างมากมาย ดังเช่นผู้ป่วยที่มีการรายงาน รวมทั้งมีผลกระทบต่อประชากรรุ่นใหม่ของประเทศ จุดยืนกระทรวงสาธารณสุขคือสนับสนุนการยุติการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้ง 3 ชนิด เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของคนไทย
ด้านนายแพทย์พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ. 2561 พบผู้ป่วยโรคจากพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ข้อมูลวิชาการพบว่า พาราควอต เป็นสารที่มีพิษเฉียบพลันสูง ปัจจุบันไม่มียาถอนพิษ
สำหรับไกลโฟเซต สถาบันวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศภายใต้องค์การอนามัยโลก กำหนดให้เป็นสารที่น่าจะก่อมะเร็งได้ ส่วนคลอร์ไพริฟอส งานวิจัยต่างประเทศพบว่าเป็นสารที่รบกวนการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ ระบบไทรอยด์ กระตุ้นการเจริญเติบโตเซลล์มะเร็งลำไส้ มีผลต่อความผิดปกติด้านพัฒนาการทางสมองของเด็กที่แม่ได้รับสารระหว่างตั้งครรภ์