หลักสูตร ‘กอส.’ ชื่อเต็มๆ คือ หลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจและบุคคลที่บรรจุ หรือโอนมาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร เริ่มต้นขึ้นในปี 2558 สมัยของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ปัจจุบันเกษียณแล้ว) ได้อนุมัติให้มีการปรับปรุงประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 11 การศึกษา การฝึกและอบรม บทที่ 14 การฝึกอบรมพื้นฐานสำหรับ ‘ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร’ เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
กอส. เป็นหนึ่งใน 4 หลักสูตรฝึกอบรมขั้นพื้นฐาน สำหรับข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร แบ่งออกเป็น
ข้าราชการตำรวจ ‘ชั้นประทวน’ ผู้มีคุณวุฒิระดับปริญญา หรือประกาศนียบัตร และมีสิทธิ์ได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ซึ่งหมายถึงข้าราชการตำรวจผู้มีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
ข้าราชการตำรวจชั้นประทวนซึ่ง ‘บรรจุจากบุคคลภายนอก’ บรรจุกลับ หรือโอนมา โดยการบรรจุหรือรับโอนในฐานะผู้มีคุณวุฒิการศึกษาระดับปริญญา หรือประกาศนียบัตร และมีสิทธิได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร
ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ซึ่งบรรจุจากบุคคลภายนอก หรือโอนข้าราชการซึ่งไม่ใช่ข้าราชการตำรวจ หรือพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มาบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ หรือบรรจุข้าราชการ ซึ่ง ‘ไม่ใช่’ ข้าราชการตำรวจ หรือพนักงานของ อปท. กลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ
จากข้อมูลผู้สมัครเข้าอบรมหลักสูตร กอส. รุ่น 45-48 ปีงบประมาณ 2563 - 2565 พบว่ามีทั้งหมด 1,240 คน ดังนี้
หลักสูตร กอส. มีระยะเวลาฝึกอบรม 17 สัปดาห์ 4 วัน รวมทั้งสิ้น 500 ชั่วโมง 400 คะแนน โดยต้องมีระยะเวลาการฝึกอบรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลาการฝึกอบรมทั้งหมด ไม่ถูกตัดคะแนนความประพฤติเกิน 40 คะแนน และสอบได้คะแนนรวมไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 หากปฏิบัติได้ตามนี้จะถือว่าเป็นผู้สำเร็จการฝึกอบรม
โครงสร้างหลักสูตรประกอบด้วย ภาควิชาวิชาการและการฝึก 16 สัปดาห์ และภาคสนาม 1 สัปดาห์ 4 วัน รวมทั้งสิ้น 500 ชั่วโมง
ภาควิชาวิชาการและการฝึก 16 สัปดาห์ ประกอบด้วย
สำหรับวิชาเฉพาะ จะประกอบไปด้วย
ส่วนภาคสนาม มีระยะการฝึก 1 สัปดาห์ 4 วัน ประกอบด้วย
จากกรณีความเจริญก้าวหน้าทางอาชีพรับราชการของ ผู้กองแคท - ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ที่ดูจะรุ่งโรจน์และรวดเร็วเกินปกติ จนเกิดเป็นคำถามต่อสาธารณชน โดยมีไทม์ไลน์ดังต่อไปนี้
ล่าสุด 9 มิ.ย.2566 พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทยว่า ผู้กองแคทสามารถเลื่อนยศจากสิบตำรวจตรี เป็น ร้อยตำรวจตรีได้เร็ว เป็นเพราะการบรรจุตำรวจที่มาจากบุคคลภายนอกมีหลายวิธี ได้แก่ การสอบแข่งขันภายใน หรือการคัดเลือกจากวุฒิการศึกษาในด้านที่ขาดแคลน โอนกลับเข้ารับราชการ เป็นต้น เมื่อเข้าอบรมหลักสูตร กอส. ก็มีสิทธิ์ติดยศร้อยตำรวจตรีได้เลย
กรณีของผู้กองแคท เข้าสู่อาชีพตำรวจด้วยการยื่น ‘วุฒิปริญญาโท’ เมื่อบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ และเข้าอบรมหลักสูตร กอส. แล้ว จะได้ยศ ‘ร้อยตำรวจตรี’ เหมือนคนอื่นๆ
พล.ต.ท.อาชยน ระบุเงื่อนเวลาของการเลื่อนยศหลังจบหลักสูตร กอส. ดังนี้
ยศร้อยตำรวจตรี
ยศร้อยตำรวจโท
ในส่วนของหลักสูตร กอส. นั้น โดยปกติแต่ละรุ่นจะจัดอบรมอยู่ที่ 300-350 ที่นั่ง ถ้ารุ่นนั้นครบนั้น ส่วนที่เกินมาก็ต้องไปอบรมในรุ่นถัดไป โดย พล.ต.ท.อาชยน ย้ำว่า “ทุกคนที่มาจากบุคคลภายนอก มีสิทธิเข้าอบรมหลักสูตร กอส. ทุกคน”
พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวถึงหลักสูตร กอส. ว่า การบรรจุตำรวจชั้นสัญญาบัตร ปกติแล้วจะรับคนที่จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจมาดำรงตำแหน่งยศร้อยตำรวจตรี หรือไม่ก็รับผู้จบปริญญาตรีในสาขานิติศาสตร์บัณฑิต หรือรัฐศาสตร์บัณฑิต รวมถึงหากต้องการความรู้ความสามารถด้านอื่น ก็รับคนที่จบปริญญาตรีสาขาอื่น เช่น วิศวกรรมศาสตร์
โดยสมัยตนเป็น ผบ.ตร.นั้น ได้ยกระดับนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรขึ้น คนจบปริญญาตรี ตนให้เข้ารับตำแหน่งระดับนายสิบเท่านั้น ไม่ได้ให้ตำแหน่งร้อยตำรวจตรี เพื่อให้ตำรวจชั้นประทวนมีความรู้ความสามารถมากกว่าปัจจุบัน เมื่อเขามาเป็นตำรวจก็ให้เวลาในการสอบเลื่อนขั้นเป็นตำรวจสัญญาบัตร ซึ่งมีการแข่งขันกันภายใน
พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ ยังอธิบายเพิ่มว่า การรับบรรจุเข้าเป็นสิบตำรวจตรีก่อน เพื่อส่งไปฝึกอบรมหลักสูตร กอส. ในลักษณะนี้นั้น ตนไม่รับ เพราะถือเป็นการเอารัดเอาเปรียบพี่น้องประชาชนทั่วไป ไม่ก่อให้เกิดการแข่งขัน แต่ในยุคปัจจุบันกลับมีลักษณะนี้ ซึ่งการที่รับเข้าทำงานแบบนี้คล้ายกับกรณีของ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ที่มีข่าวกับ ส.ว. ก็เป็นการรับมาทำงานภายใน พอถึงเวลาก็บรรจุเป็นสัญญาบัตรกัน
"ยุคที่ผมเป็น ผบ.ตร. บุคลากรตำรวจ จะเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นชั้นประทวนและสัญญาบัตร" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
หลักสูตร กอส. ถูกสังคมวิจารณ์อย่างหนักว่า กลายเป็น ‘เส้นทางลัด’ ที่เหล่าลูกหลานคนรวย นามสกุลดัง สามารถติดยศตำรวจได้โดยไม่ต้องตรากตรำผ่านขั้นตอนตามกระบวนการปกติ อีกทั้งยังเลื่อนยศได้แบบติดจรวดจนผิดสังเกต
วอยซ์ ยกตัวอย่างตำรวจนามสกุลดัง ผู้เคยเข้าเรียนหลักสูจน กอส. ดังนี้
นอกจากนี้ ยังมีกรณีเหล่าตำรวจนามสกุลดังและผู้ถูกขนานนามว่า ‘ไฮโซ’ เกี่ยวพันกับคดีอื้อฉาว เช่น
อ้างอิง