ไม่พบผลการค้นหา
DSI เผยผลการดำเนินการสอบสวนกรณีอาคารสำนักงาน สตง.ถล่มฯ หลังอัยการสั่งฟ้อง 6 จำเลย 'คดีนอมินีตึก สตง.' ต่อมาวันที่ (12 มิ.ย.2568) DSI ได้นำนายวู ผู้ต้องหาคดีนอมินี ตึก สตง.ถล่ม ส่งพนักงานอัยการเพิ่ม

เมื่อวันพุธที่ 4 มิถุนายน 2568) เวลา 10.00 น. ณ อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ/โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 กรณีการสอบสวนดำเนินคดีความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว

(นอมินี) ของกิจการร่วมค้าที่ก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เกิดเหตุถล่มหลังจากมีเหตุแผ่นดินไหวฯได้ชี้แจงการดำเนินการสอบสวนในกรณีดังกล่าวเพิ่มเติม โดยที่มีการเผยแพร่ข่าวสาร “DSI ส่งสำนวนกรณีฮั้วฯ ตึก สตง. ให้ ป.ป.ช.” นั้น

สืบเนื่องจากการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษสรุปผลการดำเนินการสอบสวนคดีที่ 32/2568 เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีความเห็นทางคดีเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 (นอมินี) ทั้งหมด 5 ราย ต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และดำเนินการส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการแล้ว และต่อมาที่ประชุมได้ดำเนินการแยกสำนวนการสอบสวนเป็น 2 สำนวนได้แก่ สำนวนแรก เป็นการดำเนินคดีการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (นอมินี) ซึ่งต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกัน และสำนวนที่สองเป็นการดำเนินการสอบสวนความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 (คดีฮั้วประมูลฯ) โดยมีการแยกเลขคดีเป็นคดีพิเศษที่ 58/2568 คดีดังกล่าวคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสอบสวนพบว่ามีพฤติการณ์

และหลักฐานเกี่ยวกับ การดำเนินการควบคุมงานของบริษัท PKW ที่ปรากฏว่าในส่วนของบุคลากรพบมีการปลอมลายมือชื่อและอ้างชื่อบุคคลอื่นซึ่งไม่เป็นไปตาม TOR มาดำเนินการเสนอราคาเพื่อให้ได้รับการคัดเลือก ซึ่งคุณสมบัติของบุคลากรตาม TOR นั้นหมายถึง บุคลากรที่ผู้ยื่นข้อเสนอได้นำมาเสนอต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะต้องเป็นบุคคลที่มีคุณวุฒิประสบการณ์อันจะสามารถควบคุมงานได้จริงตลอดจนการทำงานได้เสร็จสิ้นตามวัตถุประสงค์การที่ผู้ต้องหากับพวกได้ใช้กลอุบายหลอกลวงนำชื่อของบุคคลอื่นโดยที่เต็มใจหรือไม่เต็มใจหรือไม่มีการเข้าร่วมงานจริงภายหลังที่ได้รับงานซึ่งเป็นเจตนาที่เห็นได้ชัดว่ามิได้มีความสุจริตในการจะเข้าเสนอราคากับหน่วยงานของรัฐโดยร่วมกันใช้กลอุบายหลอกลวงเพื่อหวังประโยชน์อันเป็นเงินได้จากการรับงานโดยไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ จึงมีการกล่าวหาดำเนินคดีกับบริษัท PKW รวมแล้ว 6 คน ตามมาตรา 4 และมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ประกอบกับมีบุคคล (ปกปิดนาม) จำนวน 2 รายกล่าวหาเจ้าพนักงานของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แบ่งได้ทั้งหมด 3 กลุ่ม ดังนี้

1. กลุ่มผู้บริหารองค์กรอิสระ

2. กลุ่มคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการจ้างออกแบบ จ้างก่อสร้าง และจ้างควบคุมงาน ทั้งหมด 10 คณะ

3. กลุ่มคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ

ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นการกล่าวหาเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จึงอยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะไต่สวนและวินิจฉัย ตามมาตรา 28 ประกอบมาตรา 61 และมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการส่งสำนวนดังกล่าว ไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยเร็ว ต่อไป

DSI นำนายวู ผู้ต้องหาคดีนอมินี ตึก สตง.ถล่ม ส่งพนักงานอัยการแล้วเมื่อ 12 มิ.ย.2568

ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนกรณีอาคารสำนักงาน สตง.ถล่ม ในฐานความผิดตามพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 (นอมินี) เป็นคดีพิเศษที่ 32/2568 โดยเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความเห็นทางคดีเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาในฐานความผิดการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ (นอมินี) ทั้งหมด 6 ราย คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงดำเนินการส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการตามกฎหมาย และพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 6 ราย ตามความเห็นของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 แล้วนั้น

โดยวันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน 2568 นายวู (สงวนนามสกุล) สัญชาติจีน ซึ่งเป็นบุคคลที่มีหมายจับตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญา เป็นผู้ต้องหาที่ 6 ในคดีดังกล่าว ได้มา มอบตัวกับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ทำการรับตัวไว้ ควบคุมตัว และแจ้งข้อหาเป็นคนต่างด้าวฝ่าฝืนประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และคณะกรรมการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ตามบัญชีสาม (10) การก่อสร้าง ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยเป็นคนต่างด้าว ซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนการประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและคณะกรรมการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวตามบัญชีสาม (10) การก่อสร้าง อันเป็นความผิดทางอาญามาตรา 36 , 37 ประกอบมาตรา 4 (3) (ก) และมาตรา 8 (3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และแจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบแล้ว ทำการสอบสวนปากคำผู้ต้องหา และเนื่องจากการสอบสวนดังกล่าวพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งไปยังพนักงานอัยการเพื่อพิจารณา มีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป

DSI 12 มิถุนายน 2568