โฆษกทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษเปิดเผยว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ไม่เปิดเผยชื่อเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา เหตุจากเขามีอาการของโรคโควิด-19 รวมถึงมีไข้สูงมา 10 วัน หลังจากที่เขากักตัวเองตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.ที่ผลตรวจออกมาเป็นบวก
โฆษกยังระบุว่า ตามคำแนะนำของแพทย์ จอห์นสันจะต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบอาการ และจะอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปเท่าที่จำเป็น นี่เป็นเพียงมาตรการป้องกันไว้ก่อนเท่านั้น ไม่ใช่การนำส่งโรงพยาบาลกะทันหันเพราะอาการหนักแต่อย่างใด และจอห์นสันจะยังคงทำงานต่อได้ โดยจะยังพูดคุยหารือกับคณะรัฐมนตรีและข้าราชการเป็นประจำ
แม้ทำเนียบนายกรัฐมนตรีจะไม่ได้เปิดเผยว่าเขาต้องตรวจสอบอะไร แต่ดร.รูเพิร์ต บีล หัวหน้าแล็บการติดเชื้อของชีววิทยาของเซลล์ สถาบันฟรานซิส คริก ระบุว่า โดยปกติจะวัดจุดอิ่มตัวของออกซิเจนในฮีโมโกลบิน พร้อมกับตรวจเลือดว่าระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อไวรัสอย่างไร และประเมินการทำงานของตับและไต รวมถึงจะมีการตรวจคลื่นหัวใจ อาจมีการทำซีทีสแกน หรือ การตรวจวินิจฉัยโรคด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Computerized Tomography Scan) เพื่อให้เห็นสภาพปอดอย่างชัดเจน
แหล่งข่าวในรัฐบาลอังกฤษเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า หากอาการของจอห์นสันแย่ลง จะมีนายโดมินิค ราบ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศและรองนายกรัฐมนตรีจะเข้ามาทำหน้าที่แทนจอห์นสัน และเขาน่าจะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการเรื่องโควิด-19 ในวันนี้ (6 เม.ย.2563)
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวยังส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และต่อเงินยูโรร่วงหนัก เนื่องการตลาดเงินตราต่างประเทศกังวลถึงความเป็นไปได้ว่าจอห์นสันจะไม่สามารถทำงานต่อได้จนต้องเปลี่ยนผู้นำ
สัปดาห์ก่อน สำนักข่าวเดอะ การ์เดียนได้รับข้อมูลว่าอาการปวดของจอห์นสันย่ำแย่กว่าที่เขาและรัฐบาลยอมรับ และแพทย์ยังกังวลเกี่ยวกับระบบหายใจของเขา แต่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีได้ปฏิเสธว่าสุขภาพของจอห์นสันไม่ได้ทรุดลงหนัก และยังยืนยันว่าไม่มีแผนที่จะส่งตัวเขาเข้าโรงพยาบาล
ข่าวจอห์นสันเข้าโรงพยาบาล มีขึ้นหลังจากกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่ายอดการเสียชีวิตของชาวอังกฤษในโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4,934 รายแล้ว และนักวิทยาศาสตร์เพิ่งออกมาเตือนว่าชุดตรวจโรค 17.5 ล้านชุดที่รัฐบาลสั่งมาและจอห์นสันกล่าวว่าอาจจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการต่อสู้กับโรคระบาด อาจไม่พบเชื้อในคนที่ติดโรคกว่าครึ่งหนึ่ง และยังไม่มีชุดตรวจที่วางขายตามท้องตลาดที่น่าเชื่อถือเลย
ที่มา : The Guardian, Reuters
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :