กลุ่มผู้ประท้วงต่างตะโกนร้องว่า “หยุดฆ่าเราได้แล้ว” ในขณะที่เดินขบวนไปยังที่ว่าการกระทรวงสาธารณสุขในกรุงวอร์ซอของโปแลนด์ พร้อมกับชูป้ายที่มีสโลแกน “จะเอาหมอรักษาคน ไม่ใช่หมอสอนศาสนา” และ “นรกของผู้หญิง” เพื่อแสดงให้เห็นถึงปัญหาที่ผู้หญิงต้องเผชิญ หากมีการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์และอันตราย
โดโรทา ลาลิก วัย 33 ปี เสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือดในโรงพยาบาล 3 วัน หลังจากที่เธอเข้ารับการรักษาตัวด้วยอาการถุงน้ำคร่ำแตก โดยคำให้สัมภาษณ์ของสามีของเธอระบุว่า ไม่ได้รับข้อมูลใดๆ จากทางโรงพยาบาลเลยว่า ลูกในท้องของภรรยาได้เสียชีวิตลงไปแล้ว อีกทั้งเขายังไม่ได้รับคำแนะนำว่าควรที่จะยุติสภาพตั้งครรภ์ของภรรยาเพื่อรักษาชีวิตของเธอไว้
ถึงโปแลนด์จะมีกฎหมายที่อนุญาตให้ผู้หญิงยุติการตั้งครรภ์ได้เมื่อมีอันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต และการตั้งครรภ์ที่เกิดจากอาชญากรรม แต่ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา รัฐบาลโปแลนด์ได้บังคับใช้คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งห้ามการยุติการตั้งครรภ์ในกรณีที่ทารกในครรภ์มีสภาวะผิดปกติ ถือเป็นการเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายให้เพิ่มมากขึ้น
นักวิเคราะห์ต่างกล่าวว่า การแก้กฎหมายเช่นนี้ นับเป็นการกีดกันให้ผู้หญิงเข้าถึงการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยได้ยากขึ้น เหตุเพราะในกฎหมายของโปแลนด์ ผู้ที่จะมีความผิดในการยุติการตั้งครรภ์ที่ขัดกับกฎหมายนั้น คือเหล่าบุคลากรทางการแพทย์ การแก้กฎหมายยุติการตั้งครรภ์ให้กระทำได้ยากขึ้น จึงสร้างแรงกดดันให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ให้ระมัดระวังในการให้บริการมากขึ้น
โปแลนด์เคยเป็นประเทศที่มีกฎหมายการยุติการตั้งครรภ์ที่ง่ายกว่าปัจจุบันมาก ในช่วงปี 2499-2563 ผู้หญิงสามารถยุติการตั้งครรภ์ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจได้ แต่ท่ามกลางกระแสอนุรักษ์นิยมที่สูงขึ้นในประเทศ ส่งผลให้เกิดกระแสต่อต้านกฎหมายการยุติการตั้งครรภ์มาโดยตลอด
ทั้งนี้ โปแลนด์เป็นประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกอย่างเคร่งครัด โดยในปี 2559 มีความพยายามถึงขั้นการเสนอในสภาผู้แทนราษฎร ให้มีการหารือพิจารณาคำสั่งห้ามการยุติการตั้งครรภ์ในทุกกรณียกเว้นเมื่อการตั้งครรภ์มีอันตรายต่อชีวิตเท่านั้น โดยในตอนนั้นมีผู้ออกมาประท้วงต่อต้านถึงกว่าแสนคน
ที่มา: