อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยกล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าภายในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ จะมีจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยว อยู่ที่ 10 ล้านคนตามเป้า ก่อนจะถึงสิ้นปีอย่างแน่นอน
นอกเหนือจากนี้จะมีการเร่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน รวมถึงการจ้างงาน และมีรายได้แรงงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ได้มีการกระจายตัวที่สูงยิ่งขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีได้มีการพูดถึงการจัดลำดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ในลำดับที่ BBB+ คงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ เกิดท่านว่าเศรษฐกิจไทยปี 2565 จะขยายตัวอยู่ที่ 3.3% แล้วจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3.8% ในปี 2566 การท่องเที่ยวโดยจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ขนส่งภายในประเทศ และอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มผ่อนคลาย
นายกรัฐมนตรี ยังมีข้อสั่งการ ให้ทางกระทรวงคมนาคม ได้พิจารณาถึงเรื่องการเพิ่มเที่ยว ให้มีการเจรจากับประเทศต่างๆ เพิ่มการบินเข้ามาในประเทศไทยให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มพนักงานภาคพื้นดิน ในการบริการบริการต่างๆ โดยเฉพาะสัมภาระการเดินทาง ยานพาหนะต่างๆขนส่งผู้โดยสารเข้ามา ยังสนามบิน
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ได้ฝากให้ทุกหน่วยงาน ให้ประชาชนยังคงต้องมีการเฝ้าระวังตนเอง เนื่องจากในช่วงนี้ยังคงมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 อยู่ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรณรงค์เรื่องการฉีดวัคซีน เข็มกระตุ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ให้เข้ารับวัคซีนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับฟังปัญหาผู้ประกอบการโรงงานรวมถึงประชาชน ในการขยายกิจการต่างๆรวมไปถึงกลับมามีการผลิตในส่วนของโรงงานต่างๆที่จะต้องมีการปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะพื้นที่เขตจังหวัดอุตสาหกรรม เพื่อให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ สอดคล้องกับนโยบาย BCG
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อน ที่จะทำอย่างไรให้การขนส่งท่าเรือเชียงแสน มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยกระทรวงคมนาคมได้มีการรายงาน และประสานงานไปที่ท่าเรือกรุงเทพฯ เพื่อที่จะย้ายเครนปั้นจั่น บางส่วนไปติดตั้งเพิ่มเติม ติดตั้งอย่างท่าเรือเชียงแสนเพื่อให้บริการการขนส่งและการเดินเรือในแม่น้ำโขง และพิจารณาสอดคล้องกับปริมาณของสินค้าเทียบท่า
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนสหภาพยุโรป ซึ่งจะมีการเดินทางไปยัง กรุงบรัสเซล ระเทศเบลเยี่ยม ช่วงระหว่างวันที่ 13-14 ธันวาคม นี้ โดยจะประชุมร่วมกับสหภาพยุโรป ในนามของประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งในช่วงนั้น มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดำเนินการเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 13 ธันวาคม