ไม่พบผลการค้นหา
เพราะความสวยไม่ใช่ทุกอย่าง การทำงานเพื่อสังคมจึงเป็นสิ่งที่เธอยึดถือ คุยกับ 'เปีย อลอนโซ วูร์ตซบัค' มิสยูนิเวิร์สปี 2015 และทูตสันถวไมตรีของยูเอ็นเอดส์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เอ่ยถึงเหตุผลที่เธอสนใจรณรงค์เรื่องเอชไอวี/เอดส์ การสร้างความเปลี่ยนแปลงโดยผู้หญิง และคำแนะนำถึงรุ่นน้องมิสยูนิเวิร์ส

เมื่อพูดถึงชื่อ 'เปีย อลอนโซ วูร์ตซบัค' สิ่งที่หลายคนนึกถึงขึ้นมาแวบแรกคือ วินาทีที่มงกุฎมิสยูนิเวิร์ส 2015 ถูกถอดออกมาจากมิสโคลอมเบียแล้วไปสวมลงที่ศีรษะของมิสฟิลิปปินส์คนนี้ ความผิดพลาดที่เกิดจาก 'สตีฟ ฮาร์วีย์' พิธีกรในครั้งนั้น ทำให้เธอยังเป็นมีมอยู่ในอินเทอร์เน็ตมาจนถึงทุกวันนี้

แต่การเป็นมิสยูนิเวิร์สไม่ได้จบลงที่การรับมงกุฎ ไม่ได้ทำหน้าที่มิสยูนิเวิร์สเพียง 1 ปีแล้วก็หายไป

เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา 'เปีย อลอนโซ วูร์ตซบัค' เดินทางมาเป็นพิธีกรในงานประกาศรางวัล HERO Awards จัดขึ้นโดยมูลนิธิ APCOM องค์กรเอ็นจีโอที่ปฏิบัติงานด้านเอชไอวีในกลุ่มหลากหลายทางเพศ วอยซ์ออนไลน์จึงชวนเธอมาพูดคุยว่าอะไรทำให้เธอสนใจทำงานรณรงค์เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ 

ทำงานด้านเอชไอวีเพื่อตอบแทนกลุ่ม LGBT

เปียกล่าวว่า ประเด็นนี้เธอรู้สึกอินเป็นการส่วนตัว เพราะเธอเองก็มีเพื่อนที่เสียชีวิตไปเพราะเป็นโรคเอดส์ และมีเพื่อนบางคนที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี และการทำงานด้านนี้ร่วมกับ UNAids ก็เป็นหนึ่งในวิธีการตอบแทนชุมชน LGBTQ เพราะในขณะที่ครอบครัวของเธออาศัยอยู่ที่อังกฤษ เธอต้องอยู่ในฟิลิปปินส์คนเดียว แต่คนที่เป็นเหมือนพ่อแม่ของฉันในฟิลิปปินส์ก็เป็นคนหลากหลายทางเพศ และพวกเขาก็ผลักดันและฝึกฝนให้เธอเป็นเธอในวันนี้

เปียได้เล่าย้อนกลับไปในช่วงที่เธอประกวดมิสยูนิเวิร์สฟิลิปปินส์ว่า ผู้เข้าประกวดจะได้ไปทำกิจกรรมตามมูลนิธิต่างๆ ทุกวัน จนวันหนึ่งพวกเธอต้องไปทำกิจกรรมกับคนติดเชื้อเอชไอวี แต่เพื่อนๆ ผู้เข้าประกวดบางคนรู้สึกกลัว แต่เปียกลับคิดว่า เธอจะเป็นนางงามได้อย่างไร ถ้าเธอไม่เข้าใจเรื่องเอชไอวี/เอดส์ดีพอ

"ฉันก็คิดว่า มันค่อนข้างงี่เง่านิดนึง เขาจะเชิญเราไปร่วมกิจกรรมทำไม ถ้ามันจะมีผลเสียกับเรา ฉันก็เลยสงสัย ฉันก็เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณไม่ติดเชื้อเอชไอวี ถ้าไปจับมือพวกเขา กอดพวกเขา หรือดื่มน้ำแก้วเดียวกันกับพวกเขา น่าเสียดายที่นี่เป็นความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นบ่อย ฉันเลยบอกกับตัวเองว่า ฉันเป็นนางงามจริงเหรอ ถ้าฉันไม่รู้เรื่องนี้และไม่ทำให้คนอื่นเข้าใจเรื่องนี้"

หลังจากทำงานด้านนี้มาหลายปี เปียก็ประเมินว่าการรณรงค์เรื่องเอชไอวีและเอดส์ก็มีความก้าวหน้าพอสมควร เพราะจากที่เธอทำงานในฟิลิปปินส์ เธอพบว่ามีคนตระหนักถึงเรื่องนี้ และแนะนำกันไปตรวจเชื้อเอชไอวีมากขึ้น นางงามร่วมรณรงค์เรื่องนี้กันมากขึ้น จากแต่ก่อนที่แทบไม่มีใครพูดถึงเลย ซึ่งเป็นเรื่องดี ยิ่งมีคนพูดเรื่องนี้มาก ชุมชนก็จะยิ่งเข้มแข็งขึ้น แม้จะยังทำงานกันอีกมาก แต่เธอก็ดีใจที่องค์กรต่างทำงานร่วมกันอย่างแข็งขัน ไม่ใช่แค่ในฟิลิปปินส์ แต่ยังทำงานร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงไทยด้วย

 

มิสยูนิเวิร์สไม่ได้เกี่ยวกับความสวยอย่างเดียว

แม้เปียจะเป็นที่รู้จักในฐานะมิสยูนิเวิร์ส ตำแหน่งที่คนยกย่องว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก แต่เธอก็บอกว่า มิสยูนิเวิร์สไม่ได้เป็นเรื่องความสวยความงามอย่างเดียว และสิ่งที่จะทำให้ผู้หญิงเข้มแข็งและสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ก็คือใจของเราเอง

"ฉันไม่ได้ตื่นขึ้นมาก็หน้าตาแบบนี้เลย โอเคนะ มันคือความจริง" เปียหัวเราะออกมาเล็กน้อย เธอมองว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเป็นคนสวยถึงจะมีคนฟัง หรือมีสิทธิ์มีเสียง และความสวยไม่ได้บ่งบอกว่าใครจะสร้างความเปลี่ยนแปลง ตราบใดที่มีความตั้งใจที่จะทำ ทุกคนก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมได้

เปียให้คำแนะนำสำหรับคนที่อาจจะรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองนักว่า "ต้องมองเข้าไปที่ตัวของคุณเอง และเข้าใจด้วยว่าแม้แต่คนที่สวยที่สุดในห้อง ไม่ได้รู้สึกมั่นใจในตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเราทุกคนก็เป็นมนุษย์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความมั่นใจของคุณ สิ่งที่คุณรู้สึกข้างใน และการยอมรับข้อบกพร่องและความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง”

คำแนะนำถึงรุ่นน้องผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สรุ่นนี้

หากใครติดตามข่าวสารการประกวดมิสยูนิเวิร์สปีนี้อยู่บ้างก็จะพบว่า ช่วงเวลาในการเก็บตัวก่อนขึ้นเวทีประกวดสั้นมาก เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ที่มีช่วงเก็บตัวกันนานหลายสัปดาห์ เปียจึงมีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ มาฝากรุ่นน้องในปีนี้

"ความท้าทายแรกเลยก็คือเรื่องเจ็ทแล็ก เพราะกว่าจะหายเจ็ทแล็ก การประกวดก็อาจจะจบพอดี ฉะนั้น ป้องกันเจ็ทแล็กด้วยการวางแผนการนอนบนเครื่องบิน เช็คเวลาที่แอตแลนตาก่อนจะไปถึง นาฬิการ่างกายจะได้ปรับตัวได้อย่างช้าๆ คุณจะต้องขอบคุณฉันเรื่องนี้แน่นอน เพราะเจ็ทแล็กจะทำให้คุณช้าลงจริงๆ นะ”

นอกจากนี้ เปียยังแนะนำว่าจะต้องดื่มน้ำบ่อยๆ เตรียมเสื้อกันหนาวไปให้ดี เพราะได้ยินว่าแอตแลนตาอากาศค่อนข้างหนาว และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ใช้เวลาให้สนุก ถ่ายรูปเยอะ เป็นเพื่อนกับทุกคน เพราะการประกวดอาจมีแค่ 10 วัน แต่ก็จะมีการนัดรียูเนียนกันในปีถัดๆ มา และการประกวดมิสยูนิเวิร์สเป็นการแข่งขันที่คุณสามารถประกวดได้เพียงครั้งเดียว ไม่เหมือนการประกวดนางงามในประเทศ ที่ถ้าไม่ชนะก็ประกวดใหม่ได้

ดังนั้น ให้ถามตัวเองว่า "ฉันจะทำอะไร ถ้าฉันมีเพียงโอกาสเดียว"

ฝากถึงแฟนๆ ชาวไทย

"สวัสดีค่ะ (หัวเราะ) ฉันพยายามเรียนรู้ภาษาไทยอยู่ ก่อนอื่น ขอบคุณมากนะคะสำหรับความรักและการสนับสนุนของพวกคุณ ไทยเป็นประเทศที่พิเศษสำหรับใจฉัน ฉันชนะนางงามฟิลิปปินส์ตอนแข่งครั้งที่ 3 แต่ตอนฉันแพ้ครั้งที่ 2 ที่แรกที่ฉันมาก็คือกรุงเทพฯ ฉันตามหาจิตวิญญาณของฉันที่นี่ ฉันไปวัดหลายแห่งมาก แล้วฉันก็สวดมนต์ๆๆ ขอให้วันหนึ่งฉันได้มงกุฎ ฉันเลยเชื่อว่าไทยมอบความโชคดีให้กับฉันอย่างมากในการแข่งขันครั้งที่ 3 ที่นี่จึงพิเศษกับฉัน ฉันเจอพระรูปหนึ่งด้วยที่บอกว่า ถ้าฉันไม่ได้เกิดเป็นคนฟิลิปปินส์นี่ ฉันน่าจะได้เป็นคนไทย แต่ก็ยังจะได้เป็นมิสยูนิเวิร์สอยู่นะ

"ดังนั้น ฉันอยากจะพูดว่า ขอบคุณมาก และฉันหวังว่าจะได้กลับมาไทยเรื่อยๆ ฉันหวังว่าจะได้พบปะกับพวกคุณเร็วๆ นี้ วันนึง ฉันอาจจะได้จัด Meet and Greet ดีๆ สักแห่ง แล้วก็ช่วยกับสนับสนุนมิสยูนิเวิร์สต่อไปนะคะ ไม่ใช่แค่ฉัน แต่สนับสนุนองค์กร นางงามคนอื่นๆ และทุกอย่างที่เราเชื่อมั่น"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :