ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกัน (Quarantine Facilities) โดยมาจากเอธิโอเปีย 2 ราย และโอมาน 1 ราย
รายที่ 1-2 เดินทางมาจากเอธิโอเปีย เป็นเพศหญิง สัญชาติเอธิโอเปีย อายุ 28 ปี เป็นผู้ป่วยมารักษาโรคสูตินรีเวช และเพศชาย สัญชาติเอธิโอเปีย อายุ 38 ปี เป็นผู้ติดตามผู้ป่วยที่มารักษา เดินทางถึงไทยวันที่ 23 ต.ค. 2563 เข้าพักที่ Alternative Hospital Quarantine (AHQ) ในกรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อวันที่ 6 พ.ย. 2563 (Day14) ผลพบเชื้อ ไม่มีอาการ รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
รายที่ 3 เพศชาย สัญชาติโอมาน อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นผู้ติดตามผู้ป่วยที่มารักษา เดินทางมาจากโอมาน ถึงไทยวันที่ 6 พ.ย. 2563 เข้าพักที่ Alternative Hospital Quarantine (AHQ) ในกรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อครั้งแรกวันที่ 6 พ.ย. 2563 ผลพบเชื้อ มีน้ำมูก รักษาตัวที่ รพ.เอกชน
สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศล่าสุดอยู่ที่ 3,840 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,452 ราย และผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,388 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 7 ราย รวมเป็น 3,661 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 119 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมที่ 60 ราย
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่าสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด 19 ทั่วโลกวันนี้ มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 472,468 ราย มีผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกแล้วกว่า 50 ล้านราย ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับรายงานนี้มีความเป็นไปได้ว่าน้อยกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจริงอยู่มาก เนื่องจากบางรายไม่แสดงอาการป่วยหรือไม่ได้เข้าสู่ระบบการรักษา
สถานการณ์ในประเทศไทย ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ขณะนี้ยังคงเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ดังนั้นประเทศไทยจึงมีโอกาสพบผู้ติดเชื้อในประเทศได้ เนื่องจากอาจมีผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการปะปนอยู่ในสังคม อย่างเช่นกรณีชายชาวอินเดีย ที่พบในจังหวัดกระบี่ ต้องขอขอบคุณประชาชน โดยเฉพาะชาวกระบี่ที่ไม่ตื่นตระหนกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และยังให้ความสำคัญกับการป้องกันการแพร่ระบาดตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นวินัยที่ประชาชนควรปฏิบัติต่อเนื่อง ไม่ประมาทการ์ดอย่าตก ตามวิถี New Normal นอกจากนี้ขอให้ทุกคนสังเกตตนเองหากพบว่ามีอาการป่วย ไข้ ไอ อาการระบบทางเดินหายใจ การรับรสและกลิ่นลดลง ให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที
นพ.โสภณ ระบุด้วยว่า สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะเริ่มในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือความเสี่ยงใกล้เคียงกับประเทศไทย โดยมีมาตรการรองรับในการป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ก่อนการเดินทาง จะต้องมีใบรับรองตรวจไม่พบเชื้อโควิดก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง ระหว่างเดินทาง ทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน และเมื่อเดินทางมาถึง จะมีระบบคัดกรอง ระบบกักกัน ตรวจหาเชื้อเป็นระยะตามมาตรฐาน เพื่อให้พบผู้ที่อาจติดเชื้อโดยเร็วที่สุด รวมถึงมีระบบติดตามขณะที่อยู่ในประเทศ เพื่อให้เกิดความปลอดสูงสุดสำหรับคนในประเทศ อีกประการสำคัญคือ นักท่องเที่ยวทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ได้แก่ หน้ากากอนามัย/ หน้ากากผ้า เว้นระยะห่าง ตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย แม้ว่าขณะนี้จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่ม long stay เข้ามาบ้างแล้วแต่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อจากกลุ่มนี้
จากกรณี ชายชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกระบี่ถูกตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 โดยมีประวัติเดินทางด้วยเครื่องบินมาท่องเที่ยวที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่30ต.ค. 2563 จากนั้นขับรถยนต์ไปเที่ยวลอยกระทงที่ จ.สุโขทัยวันที่ 31 ต.ค. 2563 และพักค้างคืน ก่อนที่จะกลับมา จ.เชียงใหม่ในวันที่ 1 พ.ย. 2563 และเดินทางด้วยเครื่องบินกลับ จ.ภูเก็ต ในวันที่ 2 พ.ย. 2563 นั้น รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำจากการพบปะชายชาวอินเดียคนดังกล่าวระหว่างอยู่เชียงใหม่ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ทีมสอบสวนโรคที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้แพทย์ทำการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งนำไปตรวจหาเชื้อโควิด
ซึ่งกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำดังกล่าวนี้มีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 20 ราย ขณะที่กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงมีจำนวน 2 ราย เป็นคนขับรถแท็กซี่และแม่บ้านทำความสะอาดห้องพักโรงแรมที่เชียงใหม่ ได้เข้าพบแพทย์ที่ โรงพยาบาลเพื่อทำการเก็บตัวอย่างตั้งแต่วานนี้ (8 พ.ย. 2563) แล้ว โดยคาดว่าผลการตรวจทั้งหมดน่าจะทราบในช่วงเย็นวันนี้ จากนั้นทางคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่จะมีการแถลงชี้แจงในรายละเอียดทั้งหมดต่อไป ซึ่งรายงานข่าวแจ้งด้วยว่าทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่ชายชาวอินเดียให้ข้อมูลว่าได้เดินทางไป พร้อมทั้งตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์มือถือด้วยเพื่อยืนยันป้องกันความคลาดเคลื่อน