นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ‘ก้อง ห้วยไร่’ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก ในเรื่องครอบครัว หลังโพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว ว่ามีลูก กับภรรยาคนปัจจุบัน ‘เบลล์ ขนิษฐา’ และกับอดีตภรรยาอีก 2 คน ซึ่งเจ้าตัวยอมรับด้วยเสียงหนักแน่น ว่าในอดีตได้คบซ้อน ระหว่าง เบลล์ กับ เอ๋ พัชรพร นักร้องลูกทุ่งสาว ผมต้องขอโทษที่ทำร้ายจิตใจ โดย ก้อง เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่า
“มันเป็นความผิดของตัวเราเอง เพราะว่าผมก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำไว้ เจตนาคือเห็นแก่ตัวมาก กลัวว่าความนิยม ที่เราเคยได้รับมันจะหายไปหรือเปล่า มันก็เป็นความคิดของเด็กบ้านนอกอะครับ มีโอกาสได้มาอยู่ตรงนี้มันก็เลยคิดไปต่างๆนานา เพื่อให้ตัวเองรอด แต่สุดท้ายกลายเป็นทำลายความรู้สึกพี่น้องแฟนเพลง ผมต้องขอโทษทุกๆคนนะครับ ก่อนหน้านี้มีสื่อๆหนึ่งพยายามถามตกลงแต่งงานหรือยัง มีลูกจริงไหม ผมก็โกหกเขามาตลอด เพราะเจตนาเหมือนเดิม คิดว่าฉันจะปกปิด เพราะความนิยม ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ
ตั้งแต่มีข่าวผมกับคุณเอ๋คบหากัน ก่อนจะมีชื่อเสียงก่อนเข้า ซาวน์มีแฮงค์ เรคคอร์ด แล้วผมได้ไปคบกับคุณเบล ในขณะที่ยังคบกับ คุณเอ๋ อยู่ ซึ่งเรื่องนี้ทางชาวเน็ตก็พยายามถามว่า ตกลงคบซ้อนไหม ผมคบซ้อนครับ ผมก็ต้องขอโทษเอ๋ ด้วยนะครับ ผมทำลายจิตใจเอ๋ ทำให้เอ๋ต้องผิดหวัง เสียใจ ผมขอโทษ ผมเลือกที่จะรักเบล พร้อมที่จะแต่งงานกับเบล คือตอนนั้นเบล ยังไม่รู้ หลังจากได้เริ่มคุยมาสักพัก ผมไม่เคยเปิดตัวเอ๋เลย ทุกคนรับรู้ว่าผมโสด บางคนก็ถามมาว่าตกลง โกหกใช่ไหม โดนเมียทิ้ง แล้วมาแต่งเพลง เพลง ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน ซึ่งจริงๆเพลงนี้มันเกิดจาก ภรรยาอีกคนที่ผมมีบุตรด้วยกัน 2คน แล้วเกิดหย่าร้างกัน จนผมได้มาทำงานที่นิติพลคลินิก และได้รักกันกับผู้หญิงคนหนึ่ง และก็ตั้งความหวังว่าจะไปสร้างชีวิตครอบครัว ตอนนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก มันเป็นช่วงวัยรุ่นคึกคะนองคิดว่าตัวเองเจ๋ง และอีกอย่างหนึ่งผมไม่เคยคิดเลยว่าอนาคตข้างหน้า ผมจะได้มาเป็น ก้อง ห้วยไร่ ตอนนั้นคึกคะนองมากก็สนุกสนาน เจ้าชู้ พอมีแฟน หลังจากจดทะเบียนหย่ากับภรรยาที่แต่งงานกันครั้งแรก ก็มีแฟนใหม่ปั๊บ โดนเขาบอกเลิก กลายเป็นความเจ็บปวดที่เราเคยทำกับภรรยาเก่าก็มาโดนกับตัวเราเอง ก็เขียนเพลงขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้ผมก็ต้องขอโทษอีกครั้งหนึ่ง หลายคนก็เอามาโยงว่าไหนบอกว่าแต่งเพลง ไสว่าบ่ถิ่มกัน ทั้งที่จริงๆ แล้วผมเป็นคนทิ้งคุณเอ๋ เพื่อมาคบกับเบลล์ ทำไมถึงโกหกแฟนเพลงว่าคุณแต่งเพลงนี้ว่าเพราะคุณอกหัก
พอเบลล์ ทราบเรื่องคุณเอ๋ แล้วเป็นยังไง
มันรักกันไปแล้ว ผมยอมรับผิดทุกอย่างนะครับ ขอโทษเอ๋ด้วย ไม่ได้คุยกันตั้งแต่ตัดสินใจเลิกและแยกออกจากกัน เพราะว่าผมกับเอ๋ได้หมั้นกัน ได้มีการหมั้นเป็นพิธีของอีสาน ผูกข้อต่อแขนซึ่งก็ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ส่วนเรื่องประเด็นของสินทรัพย์ มันเป็นเรื่องของการเชื่อมโยงที่ไม่ใช่มาจากตัวเรา แล้วทำให้เขารู้สึกว่าเขาถูกทำร้าย ซึ่งผมเป็นเขาผมก็อยากที่จะออกมาพูดว่าจริงๆ ทุกคนออกมาด้วยความเจ็บป่วย เขาก็ออกไปด้วยความเจ็บปวด แล้วทำไมยังต้องไปตอกย้ำเขาอีกซึ่งเอ๋พูดมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ
ยังไม่ได้คุยตั้งแต่วันที่ตัดสินใจแยกทางกันเป็นการแยกทาง ในฐานะของคนที่เป็นคู่หมั้นและแยกทางกัน ส่วนเรื่องของเงินที่หมั้นหมายผมเป็นคนผิดสัญญาหมั้น เพราะผมเป็นคนเลิก ผมก็ได้ให้เอ๋ไปโดยที่ไม่ได้ทวงคืนในส่วนของเงินตรงนั้นไป แต่เรื่องที่เอ๋เขาออกมาพูดคือในเรื่องของรายได้จากการทำงานของผมถึงตอนนั้นเราอาจจะไม่ได้ใช้คำว่าร่วมทุกข์ร่วมสุข เพราะตอนนั้นผมเป็นแค่เน็ตไอดอล มีคนรู้จักเพลงจากการดีดกีต้าร์ลงฟซบุ๊ค เป็นที่รู้จักจากการร้องเพลง ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน ซึ่งตอนนั้นเราอยู่ในฐานะคู่หมั้นกัน เงินที่เราหาได้ทุกบาท ทุกสตางค์เราแบ่งคนละครึ่งได้ไหมตัวผมเองผมก็ต้องดำเนินชีวิตต่อ ผมมีค่าใช้จ่าย มีครอบครัวพ่อแม่พี่สาวและญาติๆ ที่ต้องดูแล ผมก็ขอตรงนี้จากเอ๋มา ซึ่งมันเป็น เงิน 1.8 ล้านบาท แบ่งกันได้ประมาณคนละ 9 แสนบาท ซึ่งหลังจากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เคลียร์ใจ เพราะเรากลัวว่าเขาไปรับข้อมูลว่าเราอยากทำร้ายเขาเราทำร้ายเขาไปมากแล้ว ยิ่งพูดถึงเขาก็เป็นการทำร้ายเขามากไปอีก ก็ได้แต่ฝากพี่ๆ สื่อเพื่อความสบายใจของผมด้วย และของภรรยาของผม คือน้องเบลเราก็ไม่คุยกันเรื่องเก่าๆ ดีกว่าเนาะ ไม่ได้หมายถึงไม่ได้คุยกับพี่ๆ สื่อมวลชนนะ แต่หมายถึงว่าไม่ได้คุยกับคุณเอ๋ ทำให้เราปิดการติดต่อในทุกช่องทาง ผมกับกับเอ๋คือเราอยากให้มันจบไป มันจบไม่สวยเพราะว่าผมคือคนที่คบซ้อนแล้วทำให้เขาต้องเสียใจ ซึ่งตอนนั้นผมเคยบอกสื่อว่าผมแอบชอบเบลมานานมาก ความรักของผมกับเอ๋เกิดขึ้นเร็วมากเกิดขึ้นเร็วและผมตัดสินใจหมั้นกันโดยที่เราไม่ได้ตกลงกันว่าเรารักกันดีไหม ซึ่งสุดท้ายแล้วเอ๋เขาคือคนดีแต่ผมกลับไม่เลือกเขาทั้งที่ผมมี เขาเป็นคู่หมั้นแล้วซึ่งผมทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ ทุกสิ่งทุกอย่างมันกระทบตัวผมแน่นอน 100% ทุกอย่างที่เกิดขึ้นผมต้องรับมันให้ได้
พอเป็นข่าวออกมาเบลล์รู้สึกยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
"ถามเบลล์ว่า เอาตรงๆเลยนะเบลล์ ถ้าได้พูดกับเอ๋ โดยที่ไม่ต้องผ่านใครเพราะเวลาพูดผ่านใครเพราะเวลาพูดผ่านใครมันเหมือนเป็นการแปลงสารคือเราฝากคนนี้ไปเขาก็ไปตีความในแบบของเขาถ้ามีโอกาสจริงๆก็อยากให้เขาได้คุยกันและอยากให้เบลล์ขอโทษอีกผมกับน้องไข่เจียวก็อยากที่จะไปขอโทษเอ๋ ว่าถ้าไม่เลิกกันวันนั้นถ้าไม่มีเรื่องราวร้ายๆกันวันนั้น วันนี้ฉันมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ผมก็ต้องขอโทษแฟนเพลงของเอ๋ญาติของเอ๋และต้องขอโทษที่ทำลายรู้สึกของคนจากการที่ผมโพสต์รูปลูกเมียบ่อยๆผมก็ต้องขอโทษด้วย (ยกมือไหว้) มันเป็นความสุขของผมแต่ผมก็ลืมมองไปว่าความสุขของผมมันไปทำร้ายจิตใจคนอื่นด้วย อีกเรื่องนึงที่ผมอยากบอกผ่านพี่ๆ สื่อก็คือเรื่องลูกอีก 2 คนที่มีพี่ๆ น้องๆ แฟนเพลงเข้ามาถามว่าทำไมรักลูกไม่เท่ากัน ทำไมไม่โพสต์ถึงลูกทั้งสองคน ซึ่งลูกทั้งสองคนของผมคนนึงอายุ 11 ขวบส่วนอีกคนอายุ 10 ขวบ เขาอายุไล่เลี่ยกันเขาอยู่ในช่วงที่เพื่อนๆ กำลังล้อวันนั้นวันที่ผมเปิดตัวน้องไข่เจียว เขาเองไม่ได้ตามข่าว แล้วเขาไปโรงเรียนเพื่อนๆ ก็ทักว่าเห็นปื๊งเป็นลูกพ่อก้องจริงๆ นึกว่าโกหก เพราะว่าผมได้เลิกรากับภรรยาเก่า ตั้งแต่ลูกอายุได้ 6 ขวบ ซึ่งก็ผ่านมาแล้ว 4-5 ปีคือเรื่องเวลาผมไม่แน่ใจ ที่ผ่านมาผมคุยกับลูกตลอด ซึ่งลูกทั้งสามคนของผมเขาก็มาหากันทั้งปิ๊ง ปลื้มและไข่เจียว ลูกๆเข้าใจในสิ่งที่ผมเป็นแต่สิ่งที่ผมไม่ได้เอารูปลูกอีก 2 คนมาโพสต์ก็เพื่อความสบายใจของลูก และอีกอย่างคือเขารู้สึกไม่โอเคเวลาโดนเพื่อนล้อว่าทำไมพ่อก้องเป็นพ่อของเขาแล้วทำไมไม่มาหาบ้าง ก็อย่างที่ผมบอกว่าผมได้เลิกรากันไปแล้ว ผมอยากให้เกียรติภรรยาเดิมที่จดทะเบียนสมรสครั้งแรก เพราะว่าวันที่จดทะเบียนหย่าจะต้องมีการเซ็นว่าใครจะเป็นผู้ดูแลบุตรซึ่งเขาคือคนที่ดูแลลูกตั้งแต่เล็กจนโตพอวันนึงที่ออกสื่อเสร็จปั๊บแล้วผมไปโพสอวดลูกทั้งสองคนทั้งที่ผมไม่ได้เลี้ยงเขา ก็ทำให้เขาไม่มีความสุขซึ่งหลังจากที่เป็นข่าววันนั้นผมกับปิ๊งและปลื้มยังไม่ได้พูดคุยกันเลยเขาบล็อกข้อความผมซึ่งเขาบอกผมว่าเขาไม่ได้โกรธผมแต่เขากลัวแม่กลัวแม่ด่ากลัวแม่คิดมาก
ก่อนที่เป็นก้อง ห้วยไร่ ไม่ได้มีการส่งเสียเลี้ยงดูอะไรเพราะโดยตัวเองก็เอาตัวเองไม่รอด ซึ่งหลังจากเลิกรากันไปผมก็ทำงานก่อสร้างแจกใบปลิวนมาทำงานที่นิติพลคลินิกก็ยังไม่มีการส่งเสียจนเริ่มเป็นก้องห้วยไร่และมีงานคอนเสิร์ตที่เรณูนคร ซึ่งลูกของผมอยู่อำเภอป่าปากซึ่งมันใกล้กัน ผมก็เลยคุยกับผู้จัดการว่าพี่ผมอยากไป แล้วผู้จัดการก็ถามว่า ทางครอบครัวพ่อแม่ฝ่ายหญิงเขาจะว่ายังไงเพราะผมทิ้งเขามา 5-6 ปีอยู่ดีๆจะไปตรงนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นซึ่งผมก็บอกว่าผมขอเสี่ยงก็เลยไปพอไปถึงเสร็จปั๊บลูกกอดร้องไห้ ซึ่งตอนที่ผมได้บันทึกเพลงแล้วแต่ยังไม่ได้มีเงินอะไรมากมายผมก็ส่งให้เดือนละ 10,000 บาท โดยที่คุณพ่อคืออดีตพ่อตาของผมท่านเป็นคนดีมากก็เปิดให้เป็นบัญชีให้ลูกผม โดยที่ถ้าอายุ 18 ปีก่อนถึงจะเบิกได้เราก็ใส่เข้าไปแล้ว หากลูกไปโรงเรียนอยากได้รองเท้าฟุตบอล อยากได้คอมพิวเตอร์อยากได้อะไรที่เป็นอุปกรณ์การเรียน อยากได้โทรศัพท์มือถือผมก็จะให้เค้าถ้าหากเขาตั้งใจเรียนและสอบได้ที่ 1ผมก็จะซื้อให้อย่างเนี้ย ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังส่งเสียให้ทุกเดือนจนมาถึงช่วงนี้ที่ผมบอกเขาว่าพ่อซื้อรถตู้ใหม่ แล้วใช้เงินเยอะมากพ่อขอซัก 2-3 เดือนนะ ไม่ได้ให้เป็นตัวเงิน พ่อจะพาหนูไปเที่ยวนะ 3เดือนนี้ ผมก็พาไปซื้อกระเป๋า รองเท้าวิ่งเพราะเขาชอบวิ่งด้วยความที่แม่เขาเป็นนักกีฬาเป็นนักวิ่งทีมชาติเป็นอดีตนักกีฬาทีมชาติ
ภรรยาเก่าเขาเข้าใจไหมที่เราไม่ได้ส่งเสียลูกๆ
"จริงๆตั้งแต่เลิกรากันก็ไม่ได้คุยกันเลย เขาก็รู้สึกว่าคือเขาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเขาสามารถเลี้ยงดูลูกได้ เขาก็ประมาณว่า ฉันเลี้ยงมาขนาดนี้แล้วก็ไม่ต้องมาเลี้ยงต่อหรอก แต่ผมก็เข้าไปขอให้ได้ทำหน้าที่พ่อหน่อยเพราะตอนนี้ผมมีรายได้แล้ว แต่เมื่อก่อนต้องยอมรับว่า ลำพังตัวผมเองผมก็ยังเอาตัวเองไม่รอดเลยครับ ทุกวันนี้ก็เป็นปกติเพราะตอนที่ไปเซ็นหย่า ถ้าเกิดทะเลาะกันเจ้าทะเบียนเขาจะไม่ให้เซ็นถ้าผมพูดไปขอให้มันเป็นสตอรี่นี้นะครับคือว่าภรรยาเก่าผมเป็นนักกีฬาแล้วไปแอบมีอะไรกันจนเขาตั้งท้อง ผมขอพูดดีกว่าเพื่อความสบายใจของตัวผมเองด้วยและทำให้คนอื่นที่ถามกันมาว่าไม่รักเขาเหรอ ทำไมพอเขามีลูกแล้วทำไมถึงไปทิ้งเขา พอเขาตั้งท้องเสร็จปั๊บความเป็นวัยรุ่นก็จะเอาลูกไปทำแท้งซึ่งเขาก็ไม่สามารถบอกครอบครัวเขาได้เพราะตอนนั้นเขาเรียนต่อปริญญาโทอยู่และเป็นนักกีฬาทีมชาติด้วย ผมก็เลยบอกเขาว่างั้นเอาอย่างนี้แล้วกันให้ปกปิดพ่อแม่ครู คุณคิดว่าคุณติดซ้อม ติดอะไรในขณะที่ท้องโต แล้วพอคลอดเสร็จปั๊บผมก็เอาลูกมาเลี้ยงอยู่ประมาณปีครึ่ง ภรรยาไม่ได้มาเลี้ยงช่วยนะครับตอนนั้นผมอายุ 21 22 กำลังคะนอง ซึ่งเพื่อนๆที่เรียนอยู่ที่รามคำแหงจะรู้ว่าผมจะอุ้มลูกไปเรียนด้วยไปดีดกีต้าร์ร้องเพลง
ลูกคนที่ 2 มาจากการมาหากันแล้วก็มีอะไรกันแล้วก็ท้องอีกครับ เขาก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วคือจะปิดก็ปิดไม่อยู่แล้วซึ่งตอนนั้นเขาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแล้วไม่สามารถที่จะหลบได้พอท้องเสร็จปั๊บผมก็โทรไปหาพ่อของอดีตภรรยา ผมขอเบอร์พ่อของคุณหน่อยโทรไปบอกพ่อผมทำลูกพ่อท้องได้ลูกคนหนึ่งอายุขวบกว่า และในท้องอีก4 เดือน เขาก็ตกใจเพราะตอนนั้นอนาคตลูกเขากำลังไปได้ดี และด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่ของพ่อเขา เขาก็บอกกับเราว่างั้นให้กลับบ้าน เพราะว่าน้องปิ๊งลูกคนแรก ที่อยู่กับผมเขากินอะไร เพราะผมเลี้ยงเองมาตั้งปีกว่าโดยที่ครอบครัวฝั่งนั้นไม่รู้เลยผมก็เลยบอกว่าผมก็เลี้ยงตามอัตภาพของผมนั่นแหละพ่อตาผมก็เลยบอกว่าให้มาทำให้ถูกต้องด้วยการแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกันซึ่งก็อยู่ได้ไม่นานไม่กี่เดือนก็เลิกรากันเพราะว่าเขาไปทำงานและผมอยู่บ้านเลี้ยง ผมก็เลยตัดสินใจออกมาเพราะว่าลูกก็โตแล้ว และทางครอบครัวของเขาก็โอเค
อึดอัดขนาดไหน กับการปกปิดเรื่องต่างๆ ในช่วงเวลาที่เราเป็นก้อง ห้วยไร่
"ไม่อยากโกหกเลย ทุกๆ เรื่อง แม้แต่เรื่อง.....ขอท้าวความว่าการก้าวเข้ามาเป็นนักร้องและถูกหาว่าไปโกงเงินเขา ถูกกล่าวหาว่าไปเป็นผัวของคนที่อยู่ต่างประเทศ ถูกทำร้ายแต่ก็พยายามคิดว่าถ้าเราไปสู้แล้วถ้าเรากลับไปอยู่เหมือนเดิมล่ะแล้วคนเกลียดเราก็เลยเลือกที่จะนิ่งดีกว่าทั้งที่อยากจะพูดแทบตาย"
เหตุผลอะไรถึงออกมายอมรับในเรื่องนี้
"เหตุผลที่ตัดสินใจโพสต์เพราะว่าถ้อยคำที่เขากล่าวหามันรุนแรงมาก เขาบอกว่าแม่ผมเป็นโสเภณีทั้งชาวเน็ตด้วยและตัวของเขาด้วย เพื่อต้องการอยากให้ผมออกไปตอบโต้อะไรบ้าง (เขาคือใคร) คือคนที่อยู่ต่างประเทศที่มีคดีความกันแล้วไม่ใช่คนที่มีปัญหากันเรื่องคอนเสิร์ตก่อนหน้านี้แต่เป็นผู้หญิงคนนึงก็ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงตั้งแต่แรกก็น่าจะรู้ ผมต้องเก็บความอดทนตรงนั้นถูกคนโจมตีว่าเป็นครอบครัวที่เลวร้ายไปหลอกเงินฝรั่งเอาเงินเขา3-4แสน ซึ่งมันไม่มีเลยแม้แต่บาทเดียวแล้วเขาก็อัดคลิปด่าเป็นตุเป็นตะซึ่งผมก็เลือกที่จะนิ่งเพราะผมคิดว่าสักวันหนึ่งผมคงมีโอกาสเหมาะที่จะพูดจนวันนึง เพราะมันเป็นคดีความผมไปแจ้งความเพราะผมรู้สึกว่ามันไม่ไหวจริงๆ เพราะเขาด่าแรงมากสุดท้ายเขาก็ไปลบทุกอย่างออกซึ่งผมรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรที่ต้องติดค้างกันแล้วนี่ซึ่งผมก็เลยไม่ได้พูดต่อแต่คนที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเขาก็คิดมาเสมอว่าผมคือคนที่ไปโกงเขาไปหลอกลวงเขา
"ขอโทษพี่ๆสื่อมวลชน ที่ผมตอบบ่ายเบี่ยงจนทำให้รู้สึกว่าสื่อเอาข้อความเท็จมาปรักปรำผม หรือดิสเครดิตทางที่มันคือความจริงแต่เราก็พยายามที่จะบ่ายเบี่ยง ขอโทษพี่น้องแฟนเพลงทุกคนขอโทษความรู้สึกของทุกๆคนที่เสียไป และขอโทษคนที่สำคัญที่สุดคือทุกๆคนที่เข้ามาในชีวิตผมและผมไปทำร้ายเขาด้วยความคึกคะนองทำร้ายเขาด้วยกันเลิกรา ทำร้ายเขาในช่วงวัยรุ่น และทำร้ายในความที่ ฉันจะต้องเป็น ก้อง ห้วยไร่ ฉันจะต้องเป็นคนที่มีคนรู้จัก ผมคึกคะนอง ผมขอโทษครับ"
คนตราหน้าว่าผมโกหก ผมก็ยอมรับเพราะว่าผมโกหกจริงๆ ซึ่งวันนี้ที่ผมเลือกมาพูดผมไม่กังวลแล้วว่า ผมเป็นก้องห้วยไร่เพราะผมอยากให้ครอบครัวของผมที่อยู่ในปัจจุบันอยู่อย่างมีความสุขครอบครัวของน้องเบลล์ ครอบครัวของคุณพ่อคุณแม่น้องเบลล์ จะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียใจที่ลูกเขามาแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่กับเรา เขาจะได้ไม่เสียใจที่เขามาใช้ชีวิตอยู่กับเราลูกของผมที่กำลังโตน้องไข่เจียว ซึ่งผมเชื่อว่าพอเขาโตเขาก็ไม่รู้อะไรหรอกหรือรู้ก็คงรู้น้อย เพราะฉะนั้นผมจะไม่อ้างว่ามันเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจลูก แต่การที่ผมปิดบังเพราะผมเห็นแก่ตัวที่คิดว่าตัวเองจะเสื่อมความศรัทธาความรักเพราะช่วงนั้นรับงานหนังรับงานละครรับงานพรีเซ็นเตอร์เยอะมากจนมองแต่ผลประโยชน์ของตัวเองแต่ตอนนี้ผมไม่กลัวตรงนั้นแล้วแล้วสิ่งที่ผมได้รับมามัน สมกับสิ่งที่ผมได้โกหกไปในแทบทุกเรื่องแล้ววันนี้ได้พูดทุกอย่างก็รู้สึกโล่งใจ