ไม่พบผลการค้นหา
มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน-อ่าวไทย หลายจังหวัดภาคใต้อ่วมพายุฝน กรมอุตุฯ คาดมีผลต่อเนื่องถึงวันที่ 20 มิ.ย. เตือนชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กบริเวณอันดามัน-อ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง

นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง "คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 20 มิ.ย. 2561)" ประกาศ ณ วันที่ 17 มิ.ย. 2561 เวลา 17.00 น. ระบุว่า ในช่วงวันที่ 17-20 มิ.ย. 2561 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร และบริเวณอ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมามีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง

สำหรับประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งของภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงอย่างต่อเนื่อง

พร้อมกับเตือนให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด

ระนองฝนตกหนักน้ำป่าซัดรถกระบะจมหายคลองนาคา รอด 1 สูญหาย 1

ฝนกระหน่ำที่ระนองจนมีรถกระบะถูกน้ำป่าซัดลอยไปตามกระแสน้ำที่คลองนาคา อ.สุขสำราญ จ.ระนอง ระหว่างทางกลับบ้าน ด้านสามีสามารถหนีรอดออกมาได้แต่ภรรยาติดในรถสูญหายไปกับกระแสน้ำ 

นายสุทัศน์ แก้วประดิษฐ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.นาคา อ.สุขสำราญ จ.ระนอง เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งมีรถกระบะถูกน้ำป่าซัดจมสูญหายไปในคลองนาคา ระหว่างรอยต่อหมู่ 5 และหมู่ 7 คลองวังผักบุ้ง ต.นาคา อ.สุขสำราญ จ.ระนอง ตั้งแต่เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา (16 มิ.ย.) จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิระนองสงเคราะห์จากการสอบถามในที่เกิดเหตุทราบว่าผู้ขับขี่ที่รอดชีวิต ชื่อนายสามารถ นางสันเที๊ยะ อายุ 49ปี ชาว อ.สุขสำราญ จ.ระนอง ส่วนผู้สูญหายซึ่งเป็นภรรยา ทราบชื่อว่า นางนกแก้ว บุษบาสระน้อย อายุ 40ปี โดยในขณะเกิดเหตุได้ติดอยู่ในรถยนต์ยี่ห้อเชฟโรเลต สีบรอนส์ทอง แค้ป (มีหลังคา) หมายเลขทะเบียน 7067 (ไม่ทราบหมวดอักษรและจังหวัด) และเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันออกค้นหา จนกระทั่งเวลา 07.00น. ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบรถคันดังกล่าวในคลองไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิระนองสงเคราะห์ พร้อมด้วยชาวบ้านจึงเข้าพื้นที่เร่งดำเนินการกู้รถเพื่อตรวจดูภายในรถว่ามีผู้สูญหายอยู่ในรถคันดังกล่าวหรือไม่  

แต่ด้วยสภาพฝนที่ตกหนักและน้ำในคลองกำลังไหลเชี่ยวจึงทำให้ดำเนินการเป็นไปด้วยความยากลำบาก จนเมื่อเวลา 11.00น. เจ้าหน้าที่สามารถกู้รถขึ้นมาได้ แต่เมื่อเข้าไปตรวจสอบภายในรถกลับไม่พบร่างผู้สูญหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังกันออกค้นหาผู้สูญหายต่อไปทั้งทางเรือและตลอดริมฝั่งคลองต่อไป

นายสามารถ ซึ่งเป็นผู้ขับขี่และเป็นสามีของผู้สูญหาย เปิดเผยว่า เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา ช่วงฝนกำลังตกหนักตนเองกำลังขับรถเพื่อจะกลับบ้านพร้อมด้วยภรรยา ระหว่างทางก่อนถึงบ้านช่วงกำลังข้ามผ่านน้ำที่กำลังไหลเชี่ยว รถได้ถูกกระแสน้ำป่าซัดจนรถเริ่มหมุนและลอยไปตามกระแสน้ำไปตามคลองนาคา ขณะที่รถเริ่มจมลงและไหลไปในคลองอย่างรวดเร็วนั้น ตนได้พยายามโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือและพยายามหนีเอาชีวิตรอดจนสามารถออกมาจากรถได้ แต่ภรรยาซึ่งยังติดอยู่ในรถได้ลอยตามกระแสน้ำสูญหายไปท่ามกลางความมืด เมื่อขึ้นฝั่งได้ตนเองจึงวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านแถวริมคลองให้ช่วยกันออกตามหา แต่ไม่พบ จึงประสานขอความช่วยเหลือไปยังศูนย์กู้ภัยมูลนิธิระนองสงเคราะห์  

ผู้ว่าฯ สุราษฏร์ เตือน ปชช.ริมคลองถึงพื้นที่ปลายน้ำรับสถานการณ์น้ำหลาก

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด พร้อมส่งหน่วยป้องกันและสาธารณภัย จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่บ้านปากลาง หมู่ที่ 3 ตำบลตะกุกใต้ อำเภอวิภาวดี หลังจากฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อวานนี้ และตลอดคืนที่ผ่านมา (17 มิ.ย.) ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว โดยชาวบ้านบางรายต้องอพยพไปอยู่บ้านญาติ 

ชาวพังงาผวาลมพายุพัดต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มทับเส้นทางการจราจรและเสาไฟฟ้าแรงสูง

ศูนย์วิทยุกู้ภัยสว่างเมฆาตะกั่วป่า จ.พังงา ได้รับแจ้งต้นไม้ล้มขวางถนน บริเวณ เขาควนปัก ม.1 บ้านเชิงปราง ต.ตำตัว อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบต้นไม้ขนาดใหญ่มีเถาวัลย์คุมจำนวนมากหักล้มขวางการจราจรทั้ง 2 ช่องทางจนรถไม่สามารมสัญจรได้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จึงสมารถตัดต้นไม้ล้มขวางถนนออกจนสามารถเปิดให้รถทุกชนิดสัญจรไปมาได้ตามปกติ และส่งผลทำให้ในพื้นที่ อ.ตะกั่วป่า เกิดไฟฟ้าดับในหลายหมู่บ้าน หลังจากได้เกิดฝนตกและมีลมกระโชกแรงซึ่งทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาตะกั่วป่า ได้ระดมทีมช่างไปซ่อมต่อสายไฟฟ้าที่ขาด ด้วยความอยากลำบากต้องใช้เวลานาน ส่งผลกระทบให้มีบ้านเรือนประชาชน และโรงแรมหลายแห่งอยู่ในความมืด สนิท ซึ่งบางโรงแรมต้องใช้เครื่องปั่นไฟใช้ชั่วคราว 

นายพรเทพ เพชรมีศรี ผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอตะกั่วป่า เปิดเผยว่า ได้เกิดไฟดับในหลายพื้นที่ของ อ.ตะกั่วป่า เบื้องต้นพบว่าพื้นที่เขาหลักรับไฟ 115 กิโลโวลต์ (kV) จากท้ายเหมือง วงจรล็อคไป ช่วงที่มารับไฟ 33 kV จากตะกั่วป่า เป็นช่วงใช้ไฟมากทำให้สายแรงสูงที่จ่ายไฟไปช่วยเขาหลักของตะกั่วป่าขาดโดยทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้เร่งกันเข้าซ่อมแซมสายไฟฟ้า  

อย่างไรก็ตาม แนวทางป้องกันช่วงเข้าสู่ฤดูมรสุมหรือช่วงที่ฝนตกหนักจะทำให้ไฟฟ้าดับบ่อยและเป็นบริเวณกว้าง เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งตัดกิ่งไม้และต้นไม้ ที่อยู่ใกล้กับเสาไฟฟ้าแรงสูงเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับสายไฟฟ้าในช่วงมรสุมต่อไป

ขณะที่ บริเวณหมู่ 4 บ้านทุ่งละออง ต.บางวัน อ.คุระบุรี จ.พังงา พายุลมแรงจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันพัดถล่มบ้านเรือนประชาชนกว่า 20 หลังคาเรือน ประชาชน 100 ราย และต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวยหลายต้นถูกลมพายุพัดได้รับความเดือดร้อน ซึ่งชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันวิ่งหนีตายกันอลหม่าน เนื่องจากความแรงของลมที่พัดทำให้กระเบื้องหลังคาปลิวว่อน ชิ้นส่วนกระเบื้องตกลงมาที่พื้น หลังคาได้รับความเสียหายทั้งหมด 

ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ยังไม่หายตื่นตระหนก เพราะว่ารวดเร็วมากยังไม่ทันตั้งตัว เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ว่าการ อ.คุระบุรี เจ้าหน้าที่องค์การบริหารตำบลบางวัน ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 425 ตะกั่วป่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติชั่วคราว พร้อมเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน เพื่อนำกระเบื้องหลังคามาเปลี่ยนให้ใหม่  

ขณะนี้ ในพื้นที่ จ.พังงา ยังคงมีท้องฟ้ามืดครึ้มประกอบกับลมกระโชกแรงและมีฝนตกลงมาตลอดทั้งวัน ซึ่งทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงให้เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินโคล่นถล่มตลอด 24 ชั่วโมง 

ภูเก็ตพายุฝนกระหน่ำลมแรงพัดต้นไทรอายุ 100 ปีล่มขวางถนน

ด้านจังหวัดภูเก็ตเกือบตลอดทั้งจังหวัดได้รับผลกระทบจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรงพัดกระหน่ำทั้งบนบกและในทะเล ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักลมกระโชกแรง ทั้ง 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง, อ.ถลาง และ อ.กะทู้ โดยหลายพื้นที่มีต้นไม้ล้มจำนวนมาก 

นายนรภัทร ปลอดภัยทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งให้ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายปกครองรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเข้าช่วยเหลือประชาชนทันทีหากเกิดเหตุ เพราะในหลายพื้นที่มีต้นไม้ล้ม เช่น เหตุต้นไทรขนาดใหญ่อายุมากกว่า 100 ปีต้านพายุลมที่พัดลงมาอย่างหนักไม่ไหวล้มขวาง ถ.นริศร บริเวณแยกศาลาประชาคม ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ทำให้รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ 

เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยเทศบาลนครภูเก็ตต้องเร่งนำกำลังคนและเครื่องจักรลงเพื่อต���ดต้นไทรดังกล่าวออกจากพื้นที่พร้อมสำรวจความเสียหายบ้านเรือนประชาชนแต่เนื่องจากต้นไทรมีขนาดใหญ่มากถึง 20 คนโอบคาดว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมงในการตัดและขนย้ายออกจากพื้นที่ 

นายวุฒิชาติ ณ ปางช้างอายุ 56 ปีผู้อยู่ในเหตุการณ์ก่อนที่ต้นไทรใหญ่ดังกล่าวจะล้มลง เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุมีพายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ขณะนั้นตนกำลังกวาดขยะอยู่หน้าบ้านซึ่งติดกับต้นไทรได้ยินเสียงเหมือนฟ้าร้องดังมากอยู่ต้นไทรก็ล้มลง ตนรีบวิ่งออกมาได้ทันโชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ และเป็นโชคดีที่ต้นไทรล้มลงไปขวางถนนเพราะถ้าล้มลงมาอีกฝั่งบ้านเรือนของประชาชนแถวนั้นได้รับความเสียหายหมด 

อย่างไรก็ตามในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้รับผลกระทบอีกหลายจุดจากเหตุการณ์ต้นไม้ล้มทับถนนและบางจุดทับบ้านเรือนประชาชนเช่นพื้นที่ ต.วิชิต อ.เมือง พื้นที่ ต.ป่าครอก อ.ถลาง .และพื้นที่ ต.กมลา อ.กะทู้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งเข้าสำรวจความเสียหาย ส่วนตามชายหาดต่างๆ ปรากฎว่าคลื่นขนาดใหญ่ชัดเอาขยะในทะเลขึ้นมาบนชายฝั่งเป็นจำนวนมาก มีทั้งขอนนไม้ ต้นไม้ พาสติก โฟม สาพัดขยะจำนวนมาก ทำให้ทางเทศบาลต่างๆ ต้องนำเจ้าหน้าที่เข้าทำการความสะอาด โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวต่างๆ ลงเข้าช่วยเก็บขยะร่วมกับเจ้าหน้าที่กันเป็นจำนวนมาก  

พัทลุงลมพัดกระโชกแรงต่อเนื่องเพียง 5 นาที ทำให้ต้นไม้หักโค่นล้มทับบ้านเรือน

พัทลุง-พายุฝน-ลมมรสุม

ช่วงเย็นวันที่ 17 มิ.ย. ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักและลมพัดกระโชกแรงต่อเนื่องประมาณ 5 นาที ทำให้ต้นไม้ล้มหักโค่นทับถนนเส้นทางเข้าบ้านหมู่บ้าน และต้นไม้ได้ล้มหักโค่นทับบ้านเรือนกระเบื้องมุงหลังคาบ้านแตกปลิวว่อน ได้รับความเสียหาย จำนวน 5 หมู่บ้าน คือ 1,2 และหมู่ที่ 5 ต.กงหรา อ.กงหรา บ้านเรือนได้รับความเสียหายบางส่วนประมาณ 50 หลัง และต้นยางพารา ไม้ผล ถูกลมพัดล้มเสียหายเป็นจำนวนหลายสิบไร่ 

ทั้งนี้ เทศบาลตำบลกงหราเร่งสำรวจให้การช่วยเหลืออย่างด่วน โดยได้ประกาศให้ผู้ประสบภัยทุกครอบครัวได้เดินทางไปรับกระเบื้องมุงหลังคาไปซ่อมแซมบ้าน เพื่อแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นให้สามารถนอนพักได้ในค่ำคืนนี้ ส่วนที่บริเวณหมู่ 6 และหมู่ที่ 7 ต.ลำสินธุ์ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง ลมพัดต้นไม้ล้มทับบ้านหลายหลัง กระเบื้องมุงหลังคาบ้านแตกปลิว ประมาณ 70 หลัง ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือแล้ว

อย่างไรก็ดี เทศบาลตำบลทั้ง 2 แห่งระบุว่า ในวันที่ 18 มิ.ย. จะส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหายทางการเกษตร โดยเฉพาะต้นยางพารา และไม้ผล ต้นทุเรียน ต้นลองกอง และต้นเงาะ ที่ถูกกระแสลมพัดหักโค่นเป็นหลายสิบไร่ เบี้องต้นความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท เมื่อสำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะส่งเรื่องดังกล่าวให้สำนักงานบรรเทาและสาธารณภัย จังหวัดพัทลุง ให้การช่วยเหลือต่อไป


ภาพปกจาก Photo by Ameen Fahmy on Unsplash

ข่าวเกี่ยวข้อง :