**จับตา “ไทยรักษาชาติ” 18 พ.ย. ดีเดย์เปิดตัว ทีมยุทธศาสตร์-ทีมนโยบาย อาศัย ชู “บิ๊กเนม” เรียกคะแนนนิยม ตั้งเป้ากวาด 70-80 ที่นั่งทั่วประเทศ **นำเสนอแนวคิด-เศรษฐกิจจับต้องได้ เช่น “ถนนดิจิตอล” ผ่านหน้าบ้านประชาชน 67 ล้านคน
เฉพาะในสัปดาห์เดียว ทุกพรรคการเมืองมีความเคลื่อนไหวที่หลากล้น ชนิดที่ทำให้นักข่าวไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะต้องตามข่าวนาทีต่อนาที เริ่มจากการกำเนิดของ “พรรคไทยรักษาชาติ” เพื่อเป็นพรรคปาร์ตี้ลิสต์ เก็บกวาดคะแนนเสียงตกน้ำจากทั่วประเทศ ตั้งเป้า 70-80 ที่นั่ง นำเสนอภาพเป็นพรรคคนรุ่นใหม่ฝั่งประชาธิปไตย จับตา 18 พ.ย. 2561 นี้ ซึ่งจะเป็นวันเปิดตัวทีมยุทธศาสตร์ของพรรค ที่จะถ่าย-เท เลือด มาจากพรรคเพื่อไทย แหล่งข่าวบอก “รุ่นเก่ายืนแถวบน รุ่นใหม่ยืนแถวล่าง” ผสานกำลังล้มเผด็จการ เช้าวันรุ่งขึ้น หัวหน้าปรีชาพลจะนำทีมเดินสายเปิดตัวสาขาพรรคที่ภาคเหนือทันที
ยกตัวอย่างสักแนวคิดที่ตบหน้าเข้ากับ นโยบายไทยแลนด์ 4.0 อันเป็นนโยบายผลาญงบ เรื่องนี้ “ปรีชาพล” หัวหน้าพรรคป้ายแดง บอกว่า พรรคใหม่ จะนำเสนอนโยบายทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้ เช่น “ถนนดิจิตอล” โดยถนนสายนี้จะผ่านหน้าบ้านของคน 67 ล้านคน ถ้าได้เป็นรัฐบาล จะใช้ถนนสายนี้ยกระดับเศรษฐกิจ ปากท้อง การทำมาหากิน เชื่อมคน เชื่อมท้องถิ่น เชื่อมโลก โดยที่รัฐบาลก็จะต้องเตรียมความพร้อมให้ประชาชน แสวงหาประโยชน์จากถนนสายดิจิตอลนี้ให้ได้มากที่สุด ฟังแล้ว ตบหน้าไปยังกระแส 4.0 ได้อย่างแรง แถมยังกระจายประโยชน์ถึงรากหญ้าเข้าอย่างจัง ไม่ใช่กระจุกผลประโยชน์รวมศูนย์ที่ทุนใหญ่แบบที่ปรากฏตลอด 4 ปี ที่ผ่านมา
เปิดตัว NEW DEM นำทีมโดย “ลูกชวน-หลานมาร์ค” นำเสนอแนวคิด-แนวนโยบายแก้ปัญหาคนไทย พูดเก่งทุกคน หวังว่าเกมส์ยาว “จะไม่ดีแต่พูด” “มีจุดยืนชัด”
หัวหน้าพรรคสีฟ้า ยังคงเป็นชื่อเดิม “เดอะมาร์ค” ไม่มีเปลี่ยนแปลง การกลับมาครั้งนี้ เดอะมาร์ค มาพร้อมกับความชอบธรรม แต่ไม่เป็นกอบเป็นกำอย่างหวัง ในทางกลับกัน คือ ชนักติดหลังเรื่องความสง่างาม เพราะ “วร���ค์” ศิษย์สุเทพ ได้มาเกือบ 6 หมื่นเสียง ห่างจากเดอะมาร์ค แค่หมื่นเดียว นั่นสะท้อน การเปลี่ยนแปลงในพรรคสีฟ้า ว่ามีอยู่จริง “ในพรรคสีฟ้ามีคนไม่เอาเดอะมาร์คอยู่จริง!!” ในระดับเป็น “เสียงข้างน้อยที่มีจำนวนมาก” นัยยะ คือ สะท้อนว่า มีแฟนคลับพรรคสีฟ้า ไม่ต้องการคนดีแต่พูด และต้องการการปฏิรูปพรรคโดยเร่งด่วน
โจทย์ของพรรคสีฟ้า วันนี้ใหญ่โตไปกว่าการหา “หัว” มานำพรรค แต่มันคือจุดยืน และนโยบาย เพราะตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ผู้นำพรรคยังคงให้สัมภาษณ์แบบกำกวม แบ่งรับแบ่งสู้ ถึงอนาคตทางการเมือง หากต้องร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐ หนุน พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป อีกข้อหนึ่งคือนโยบาย หวังในใจว่า เมื่อตัดสินใจแตะประเด็น “ความเหลื่อมล้ำ” แล้ว ก็จะแตะไปให้สุดทาง สมกับป้ายโปรโมต หน้างานประชุมพรรคเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “และต่อจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมเดินหน้าขจัดความเหลื่อมล้ำและความยากคน เพื่อให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน” พร้อมทั้งโควตคำเดอะมาร์คมาอีกว่า “การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ต้องให้ความสำคัญกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งตัวเลข GDP และประชานิยมไม่ใช่คำตอบ คำตอบคือการสร้างกลไกที่ยั่งยืนในการพัฒนาและแก้ไขปัญหานี้ตั้งแต่ระดับฐานราก” แหม่ หลับตาฟังนึกว่า เป็น คำขวัญโปรโมตพรรคเพื่อไทย ผสม ไทยรักษาชาติทีเดียว
เปิดตัวแล้ว NEW DEM หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคสีฟ้า นำโดย “ลูกชวน-หลานมาร์ค” ย้ำแต่เริ่มงานว่า “ไม่ได้มีแต่ลูกหลานนักการเมือง เหมือนที่มีการตั้งข้อสังเกต แต่กลุ่มนี้เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่จากหลากหลายจังหวัด ทุกภูมิภาค และมีสัดส่วนระหว่างชายหญิงเท่าเทียมกัน” เฉพาะวันแรก แววดีแต่พูด มาทันที เพราะมีการเปิดตัวคนรุ่นใหม่ 21 คนในทีม NEW DEM พร้อมนโยบายที่แต่ละคนให้ความสนใจ ตั้งแต่ ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร-ค้ากัญชาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด-ผลักดัน E-sport –การลดใช้ถุงพลาสติก-หนุน E-Government-หนุน Universal Design แว่วว่าเมื่อวานนี้ หนึ่งในทีม NEW DEM ประกาศถึงจุดแข็งของตัวเองที่ต่างออกไปจากประชาธิปัตย์ยุคเก่าว่าไม่ใช่แล้วยุค “มีแต่พูด ดีแต่พูด” แต่จะเป็นยุค “คิดดี พูดดี และทำสิ่งดีๆ ให้เห็น” เอาเป็นว่า เปิดตัวมาดี เป็นการลั่นกลองรบ หลังไอติมออกจากค่ายทหาร แต่ทว่า ดูเหมือนจะไม่ได้รับการพูดถึงมากหนักในสื่อใหญ่ สังเกตจากพาดหัวหน้าหนึ่ง มีแต่ไทยโพสต์อุทิศพื้นที่ครึ่งหน้าให้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเมื่อใกล้เลือกตั้ง เกมส์ที่ปะทะกัน จะยังเป็นเกมส์ของคนรุ่นเก่า และจะเป็นเกมส์ของการแบ่งขั้วอุดมการณ์ชัดเจน ซึ่งดูเหมือน NEW DEM ไม่ได้ชี้ชัดกับเรื่องนี้ ว่าเมื่อถึงที่สุดแล้ว “เสรีนิยมประชาธิปไตย” ของพวกเขา จะสังกัดอยู่ร่วมกับรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการได้หรือไม่ ตราบเท่าที่ไม่พูดเรื่องนี้ อาจนับได้เป็น “ดีแต่พูด-จุดยืนไม่ชัด”
**ส่องรอยร้าว “ถาวร Vs. เดอะมาร์ค” ฟาดฟันกันออกสื่อ ถาวรเตือนเดอะมาร์ค อย่าผลักสุเทพเป็นศัตรูพรรคประชาธิปัตย์ **แอบฟัง “สุเทพ” แซว “ถาวร” : “ถ้าไม่โดนเข้าฉ้อฉลเอาคะแนนไปคงได้เป็นเลขาธิการพรรคแน่นอน”
ชื่อชั้นของ “ถาวร เสนเนียม” คือ เป็นศัตรูกับระบอบทักษิณ เป็น อดีต ส.ส.เบอร์ใหญ่ เป็นสมาชิกพรรคสีฟ้า เป็นอดีต กปปส. เป็นผู้ใกล้ชิดกับ “สุเทพ” และเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนให้วรงค์ ก้าวขึ้นสู่บังเหียนพรรคประชาธิปัตย์ในตำแหน่งหัวหน้าพรรค ถาวรนั่นเองที่เป็นกุนซืออยู่เบื้องหลัง 6 หมื่นคะแนนเสียงของวรงค์ ล่าสุดเป็นรอยร้าวขึ้นมาทันที เมื่อถาวรเปิดบ้านพักส่วนตัวให้สุเทพรับสมัครสมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย
เดอะมาร์คฉะถาวรก่อน ด้วยการให้สัมภาษณ์ออกสื่อว่า “ความผูกพันกันระหว่างคนข้ามพรรคมีได้ ที่ผ่านมาก็มีสมาชิกพรรคหลายคน เวลามีคนต่างพรรคเข้าไปในพื้นที่ก็ออกไปต้อนรับ ถือเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่เราต้องดูคือมีการไปทำกิจกรรมของพรรคการเมืองอื่นด้วยหรือไม่ ซึ่งตรงนี้จะขัดกับหน้าที่ของสมาชิกพรรค ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับพรรค ที่จะสร้างความสับสนให้กับประชาชน รวมถึงสุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย และเกี่ยวพันไปถึงเรื่องกระบวนการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ดังนั้นคงต้องแยกแยะกันให้ออก”
พร้อมตำหนิด้วยประโยคทองทำนองว่าเป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองกันแล้ว น่าจะรู้จักวิธีวางตัว “นายสุเทพ และ นายถาวร ก็เป็นผู้ใหญ่ทางการเมือง ก็น่าจะทราบดีอยู่แล้วว่าอะไรที่ไปสร้างความสับสนให้ประชาชน เป็นเรื่องไม่น่าทำ ส่วนที่มีการปราศรัยร่วมกันนั้น ตนยังไม่ได้ดูในรายละเอียด เห็นแต่ในคลิปตามข่าว และนายถาวรก็ต้องเข้ามาชี้แจงเรื่องนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อเดอะมาร์คฉะหนัก แบบนี้ ยี่ห้อถาวรก็ไม่มีไว้หน้า ซัดกลับไป ใจความหลักคือ อย่าผลักสุเทพเป็นศัตรูของพรรคประชาธิปัตย์
“ถามว่า พรรคปชป. หรือพรรคไหนก็แล้วแต่ต้องการพันธมิตร บัดนี้มีพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง มีพรรคนอมินี พรรคแนวร่วม เพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง ถ้าพรรคนั้นทำงานประสบผลสำเร็จ บ้านเมืองจะเกิดการระส่ำ การต่อต้าน และการเดินขบวนขึ้นมาอีกครั้ง วัฏจักรทางการเมืองที่เลวร้ายจะกลับมา ผมคิดว่าเมื่อพรรคหนึ่งพรรคใดมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ตรงกับความคิดผม ผมน่าจะเป็นเพื่อนกับเขาได้ อย่าผลักมิตรเป็นศัตรู และกระชับให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในทางการเมืองวันนี้ เราอย่าไปหลอกตัวเอง เราต้องยอมรับความเป็นจริงว่าขณะนี้บ้านเมืองแยกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายที่เอาระบอบทักษิณ และฝ่ายที่ไม่เอาระบอบทักษิณ นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นการทำประโยชน์กับบ้านเมือง จึงต้อนรับท่าน”
“การเมืองทุกวันนี้มีมิตรดีกว่าศัตรู ที่สำคัญวันนี้ท่านสุเทพไม่ได้เล่นการเมืองเพื่อตัวเอง ท่านประกาศไม่รับตำแหน่งใดๆทั้งสิ้น ทั้งเป็น ส.ส. และ รมต. และในพรรคการเมืองนี้ ถ้าเราไม่เป็นมิตรกับคนเช่นนี้ เราจะเป็นมิตรกับคนเช่นใด”
เมื่อนักข่าวถามถาวรว่า ได้มีโอกาสเคลียร์ใจกับเดอะมาร์คและนายนิพิฏฐ์หรือยัง ? ถาวรตอบกลับว่า “การที่เริ่มต้นคุณนิพิฏฐ์และหัวหน้าใช้สื่อในการติดต่อสานสัมพันธ์กับคนในพรรค การทำงานในที่เดียวกัน ในตึกเดียวกัน ถ้าเมื่อไหร่ที่เริ่มใช้สื่อติดต่อสานสัมพันธ์ ส่งความคิดเห็น ไม่ยกหู ผมคิดว่านั่นคือข้อบกพร่องในการบริหารงาน”
เอาเป็นว่าทั้งหมดนี้คือรอยร้าวในพรรคสีฟ้า ไม่เพียงเป็นรอยร้าวหลังการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ แต่ยังเป็นรอยร้าว ถึงการแบ่งขั้วเรื่องจุดยืนถึงการตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับ พลังประชารัฐหรือไม่ ในระยะยาวไปด้วย เพราะสัญญาณของถาวร ชัดเจน “อย่าผลักสุเทพเป็นศัตร-ถ้าเราไม่เป็นมิตรกับคนเช่นนี้ เราจะเป็นมิตรกับคนเช่นใด” ประโยคทำนองนี้ แววจับมือพลังประชารัฐหนุนนายกชื่อเดิม-หน้าเดิม เป็นไปได้สูง
ปิดท้ายกันที่การแอบฟัง คำปราศรัยลุงกำนันที่บ้านของถาวร เมื่อ 14 พ.ย. 2561 ซึ่งมีประชาชนชาวหาดใหญ่ร่วมรับฟังกว่า 500 คน วันนั้นสุเทพแตะพรรคสีฟ้า ซึ่งตัวเองเคยเป็นเลขาธิการพรรคที่หนุนให้เดอะมาร์คเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้วว่า “ผมไม่สนหรอกว่า อนาคตพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นอย่างไร ผมสนใจในอนาคตประเทศชาติของเรามากกว่า” อีกท่อนหนึ่งสุเทพหันมาพูดพร้อมสบตากับถาวรว่า “ถ้าไม่โดนเขาฉ้อฉลเอาคะแนนไปคงได้เป็นเลขาธิการพรรคแน่นอน” เปิดอันชัดเจนถึงสายสัมพันธ์ชุดนี้ ที่จะยังคงลากยาวต่อไปจนถึงหลังการเลือกตั้ง และขึ้นชื่อว่าเป็นสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นก็ย่อมนำไปสู่การตัดสินใหม่ๆทางการเมืองแบบที่ทั้งคาดถึงและคาดไม่ถึงด้วยเช่นกัน