ไม่พบผลการค้นหา
ความคุกรุ่นในวันใกล้ครบรอบ 4 ปี 22 พฤษภาคม การ 'รัฐประหาร' ครั้งที่ 13 ของประเทศไทย โดย คสช. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้า ทำให้อุณหภูมิของการเมืองไทยคุกรุ่นรอวันประทุอีกครั้ง

จากระยะเวลาดังกล่าว หากอยู่ใน 'ภาวะปกติ' อาจเปรียบได้ว่าเป็นช่วงเวลาใกล้ 'ปิดเทอม' ของเหล่านักการเมือง ที่ต้องเตรียมงัดนโยบายใหม่เพื่อหาเสียง ขายนโยบายให้ 'ประชาชน' ที่เปรียบเป็น 'ผู้พิพากษา' คอยประเมินผลงาน

แต่เมื่อมีผู้เข้ามาทำหน้าที่พิพากษาแทนประชาชน และยังเลื่อนการ 'เลือกตั้ง' มาแล้ว 4 ครั้ง กลายเป็นจุดกำเนิดของกลุ่มคนที่ออกมาทวงคืนสิทธิที่หายไป


"มันน่าเศร้าที่การเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งเป็นเรื่องผิดบาป ยิ่งมองไปที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ที่การเลือกตั้งสร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แต่ประเทศเราทำอะไรไม่ได้เลย"

รังสิมันต์ โรม หรือ โรม หนึ่งในคีย์แมนของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เล่าถึงเรื่อง 'ตลกร้าย' ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย ก่อนวันนัดหมายรวมพลคนอยากเลือกตั้งครั้งใหญ่คืนวันที่ 21 พ.ค. นี้


_MG_0035.JPG

รังสิมันต์ โรม

หลังจากพวกเขาได้จัดกิจกรรมชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง ด้วยสโลแกน 'หยุดระบอบคสช. หยุดยื้อเลือกตั้ง' เพื่อถอนรากถอนโคนอำนาจจากรัฐประหาร นับตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ค. 2561 รวมทั้งหมด 6 ครั้ง และในทุกครั้งต้องมีคนที่ถูกดำเนินคดีเพราะเรียกร้องให้มีการจัดเลือกตั้ง ตามคำสัญญาของพล.อ.ประยุทธ์


"พวกเราเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน ไม่ว่าจะถูกดำเนินกี่คดี แต่เรายังเดินหน้าจัดกิจกรรมต่อไป เพราะเราพร้อมจะสู้แบบไม่มีอะไรจะเสียแล้ว" โรม กล่าว

เมื่อความหวาดกลัวของการถูกดำเนินคดี ที่ถูกสื่อสารออกมาตามหน้าสื่อและการให้สัมภาษณ์ของผู้มีอำนาจว่าพวกเขา 'เข้าใจแต่ทำเป็นไม่เข้าใจ' ว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562 แต่ทุกครั้งที่มีการนัดชุมนุม ยิ่งมีคนถูกจับ ยิ่งมีมวลชนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งคดีของผู้ร่วมชุมนุมและแกนนำที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน 

เขาเล่าต่อ ว่าการเลือกตั้งในเดือนพ.ย. 2561 ไม่ได้ถูกกำหนดโดยพวกเรา แต่กำหนดโดยคำมั่นสัญญาของ 'พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร' ประชาชนไม่ใช่คนผิดหากเชื่อในคำสัญญาของผู้มีอำนาจ เพราะเป็นคำสัญญาที่หนักแน่น แต่แล้วก็ถูกเลื่อนออกไป

ไม่ว่าจะในระยะสั้นหรือในระยะยาว ก็ถือว่าไม่มีความชอบธรรมอะไรเลย แถมสร้างความเสียหายให้กับประเทศ 

แม้ว่าการออกมาเคลื่อนไหวจะมีอุปสรรคขวางกั้น แต่สิ่งที่เขามองว่าเป็นหนึ่งในความสำเร็จของคนอยากเลือกตั้ง คือการปลุกคนไทยให้รู้ว่าพวกเขามีสิทธิ์ที่ต้องทวงคืน

"ถ้าวันนั้นเราไม่มีการชุมนุม ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่คสช.จะออกมาพูดว่าจะมีการเลือกตั้งใน ก.พ. ดังนั้นการรวมตัวของพวกเราตั้งแต่ ม.ค.-พ.ค. มาอย่างสม่ำเสมอ ได้ทำให้ให้คสช.ลำบากใจ ยิ่งเดือนนี้กำลังจะครบรอบ 4 ปี รัฐประหาร ซึ่งการเลือกตั้งไม่ใช่แค่การที่ประชาชนได้ใช้สิทธิ แต่ยังรวมถึงชีวิตของคสช. หากดำเนินการอะไรพลาดไป อาจจะทำให้คสช.อยู่ไม่ได้ด้วยซ้ำไป"


20180324_Sek_06.jpg

กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง

"ถ้าเราไปดูย้อนหลังของคำสัญญา พล.อ.ประยุทธ์ ที่ให้ไว้หลายครั้ง และครั้งนี้สำหรับบางคนอาจจะเชื่อ แต่ว่าสำหรับผมและประชาชนอีกหลายคนไม่เชื่อถือว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายในเดือนก.พ. 2562 " เขาเน้นย้ำถึงจุดยืนและการออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าถ้าไม่มีการผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งภายในเดือน พ.ย. 2561 ไม่แน่ว่าอาจจะมีการเลื่อนออกไปอีกครั้ง

"ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับประชาชน" โรมเอ่ยขึ้นมา ก่อนร่ายคำตอบออกมาเมื่อถูกยิงคำถามถึงการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ว่า ถ้าประชาชนยังไม่ออกมากันในจำนวนหลักหมื่นหลักแสนได้ การปิดบัญชีคสช.คงเป็นเรื่องยาก 

แน่นอนว่าวันนี้ 'ระบอบคสช.' เปรียบเสมือน 'รัฐมาเฟีย' ที่ไม่ได้อำนวยให้ประเทศชาติมีความหวัง และตลอดเวลาที่พล.อ.ประยุทธ์นั่งกุมอำนาจ ไม่ได้มีความชอบธรรมเลย เพราะมาจากการใช้อำนาจป่าเถื่อน ที่ไม่ต่างจากโลกของสัตว์ป่าที่ใช้อำนาจบังคับกักขังกัน 

"ถ้าสิ่งที่อยากทำจริงๆ คือการให้พล.อ.ประยุทธ์ถูกดำเนินคดีด้วยซ้ำไป ตามมาตรา 113 " เขาเล่าถึงความตั้งใจแม้ว่าความจริงแล้วจะยังไม่เป็นดังหวัง เพราะอาวุธก็คืออาวุธ เราไม่อยากเห็นการนองเลือดในการใช้อาวุธห่ำหั่นกันอีกแล้ว

เราจึงมาเสนอทางออกคือการ 'เลือกตั้ง' เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าได้ และขอร้องให้ทุกคนกลับมาสู่กติกาเดิม เพื่อลดบาดแผล ไม่ให้ประเทศไทยบอบช้ำไปมากกว่านี้ ถ้าทุกคนเห็นร่วมตรงกัน เชื่อว่าประเทศไทยก็พร้อมเดินหน้าต่อไป 

ด้วยศรัทธาของการต่อสู้ของคนอยากเลือกตั้งมาตลอดระยะเวลา 5 เดือน ที่ออกมาเคลื่อนไหวปลุกพลังของคนอยากเลือกตั้ง ที่ต้องการสิทธิขั้นพื้นฐานของพวกเขาในการกำหนดชีวิต แม้ว่าจะถูกตรึงภายใต้กรอบกติกาที่อาจเปรียบเสมือนโซ่ตรวนไว้

แต่โรมย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า 


"เราเป็นม็อบไม่มีตังค์ เราเป็นม็อบไม่มีเส้น แต่เราก็พร้อมจะสู้ต่อไป สู้จนกว่าประเทศไทยจะมีประชาธิปไตยที่แท้จริง"


ที่ผ่านมา กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้ประกาศข้อเรียกร้อง 3 ข้อต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งประกอบไปด้วย 

  • เลือกตั้งภายในเดือน พ.ย. 2561 ตามคำมั่นสัญญาของพล.อ.ประยุทธ์  
  • เรียกร้องให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่รักษาการณ์และเพื่อแสดงความจริงใจต้องยุบ คสช. เพราะไม่มีความจำเป็นและทำให้ค่าใช้จ่ายของประเทศชาติเพิ่มขึ้น 
  • เรียกร้องให้กองทัพแสดงสปิริตต้องกลับเข้ากรมกอง และเลิกสนับสนุนคสช.เพื่อสร้างบรรยากาศทางการเมืองให้ประชาชนมีเสรีภาพทางความคิด

เหล่านี้คือคำเรียกร้องจาก 'กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง' หลังจากกำหนดการการเลือกตั้ง ถูกเลื่อนมาตั้งแต่ปี 2557 ภายใต้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งหมด 4 ครั้ง ขณะที่ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. อยู่ระหว่างศาลรัฐธรรมนูญตีความในบทเฉพาะกาล ทั้งที่อีกไม่กี่วันจะครบรอบ 4 ปี รัฐประหาร 22 พ.ค.


อ่านเพิ่มเติม

พิชิตศักดิ์ แก่นนาคำ
ผู้สื่อข่าว Voice Online
91Article
1Video
0Blog