จากกรณีที่มีผู้ใช้ เฟซบุ๊ก ชื่อ นิรันดร์ จันทร์ตระกูล ได้โพสต์ข้อความ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2561 ว่า มีผู้โดยสารหญิงไทยอายุ 63 ปี เดินทางมากับขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ ซึ่งป่วยเป็นโรคไขกระดูกฝ่อ เพิ่งเดินทางมารับการรักษาที่กรุงเทพ และกำลังเดินทางกลับบ้าน ขณะขบวนรถออกจากสถานีชุมทางทุ่งสงได้ 5 นาที เกิดหัวใจหยุดเต้น ทางผู้โพสต์ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลพัทลุง พยายามทำ CPR ช่วยปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต และประสานสายด่วน 1669 เพื่อมารับตัวผู้ป่วยจากขบวนรถที่สถานีช่องเขา แต่บนขบวนรถไฟไม่มีอุปกรณ์หรือแผนซักซ้อมการช่วยชีวิตผู้โดยสาร
การรถไฟฯ ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบนขบวนรถด่วนพิเศษที่ 31 (ขบวนทักษิณารัถย์) กรุงเทพ – หาดใหญ่ ขณะขบวนรถออกจากสถานีชุมทางทุ่งสงได้มีผู้โดยสารอายุ 64 ปี เกิดอาการป่วยกะทันหัน ญาติได้ทำการประสานเจ้าหน้าที่บนขบวนรถและผู้โดยสาร เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยนายแพทย์นิรันดร์ จันทร์ตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพัทลุง ซึ่งโดยสารอยู่บนขบวนรถดังกล่าวได้เข้าช่วยเหลือโดยการทำ CPR พร้อมประสานสายด่วน 1669 เพื่อให้รถฉุกเฉินมารับตัวผู้ป่วยที่สถานีช่องเขา แต่ผู้ป่วยเสียชีวิตก่อนที่จะนำตัวส่งต่อไปยังโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
การรถไฟฯ ขอแสดงความเสียใจต่อญาติและผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องขอขอบคุณ นพ.นิรันดร์ จันทร์ตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพัทลุง ที่ช่วยทำการปฐมพยาบาล CPR เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยบนขบวนรถไฟ ทั้งนี้ การรถไฟฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือผู้ป่วยและการกู้ชีวิต โดยในปี 2559 การรถไฟฯ ได้มีการติดตั้งเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED ) ในสถานีสำคัญ อาทิ สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) สถานีเชียงใหม่ และสถานีขอนแก่น เป็นโครงการนำร่อง
นอกจากนี้ยังได้จัดฝึกอบรม Basic Life Support (CPR) ในหลักสูตรนักเรียนวิศวกรรมรถไฟ และจัดอบรมพนักงานบริการบนขบวนรถโดยสาร ซึ่งจะครอบคลุมทั้งหมดในปี 2562 สำหรับในปี 2561 การรถไฟฯ จะได้ดำเนินการจัดทำแผนในการจัดหาเครื่อง AED เพื่อติดตั้งบนขบวนรถไฟและตามสถานีสำคัญๆ เพิ่มเติม ซึ่งการรถไฟฯ จะดำเนินการจัดหาและทยอยติดตั้งเครื่อง AED บนขบวนรถไฟและสถานีรถไฟ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว การรถไฟฯ ขอขอบพระคุณ และน้อมรับคำแนะนำของนายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพัทลุง มาพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดกับผู้ใช้บริการรถไฟต่อไป