ไม่พบผลการค้นหา
กลุ่มกบฏฮูธียิงขีปนาวุธโจมตีกรุงริยาดห์ของซาอุดีอาระเบีย แต่ระบบป้องกันขีปนาวุธเอาไว้ได้ โดยเป้าโจมตีครั้งนี้คือ พระราชวังของกษัตริย์ซัลมาน

สื่อของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียรายงานว่า กองทัพพันธมิตรนำโดยซาอุดีอาระเบียเปิดเผยว่า สามารถสกัดขีปนาวุธที่มุ่งเป้าโจมตีกรุดริยาดเอาไว้ได้ และไม่มีรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บหรือกรุงริยาดได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ด้านผู้เห็นเหตุการณ์ได้โพสต์ภาพลงบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งเผยให้เห็นกลุ่มควันบนอากาศ และมีเสียงระเบิดดังสนั่น

ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์อัล-มาสิราห์ของกลุ่มกบฏฮูธีในเยเมนรายงานว่า กลุ่มกบฏฮูธีได้ยิงขีปนาวุธ Burkan-2 ไปยังพระราชวังอัล-ยามามา เพื่อสังหารสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งราชวงศ์ซาอุด หลังเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา กลุ่มกบฏฮูธีก็เพิ่งยิงขีปนาวุธโดยมุ่งเป้าจมตีสนามบินริยาด ก่อนที่ซาอุดีอาระเบียจะสามารถสกัดขีปนาวุธได้เช่นกัน

โฆษกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคมเป็นต้นมา กองกำลังติดอาวุธฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลเยเมน ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพซาอุดีอาระเบีย ออกปฏิบัติการโจมตีกลุ่มกบฎฮูธีในเมืองโกคา บริเวณชายแดนเยเมน-ซาอุดีฯ ทำให้นักรบฮูธีเสียชีวิตราว 136 ราย จึงอาจเป็นสาเหตุให้กลุ่มกบฎฮูธียิงขีปนาวุธข้ามแดนหวังจะโจมตีกรุงริยาดของซาอุดีอาระเบียในครั้งนี้

ขณะที่นางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ได้แถลงต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ซึ่งหารือเร่งด่วนเรื่องแผนสันติภาพในตะวันออกกลางเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นผลจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงอิสราเอล โดยนางเฮลีย์ย้ำว่านโยบายของสหรัฐฯ จะช่วยให้การเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์มีความคืบหน้า แต่ขณะเดียวกันก็ต้องหาแนวทางจัดการกับรัฐบาลอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในตะวันออกกลางให้ก่อเหตุทำลายความสงบ รวมถึงกลุ่มติดอาวุธฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอนและกลุ่มกบฎฮูธิในเยเมน

นางเฮลีย์ยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมเรื่องรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงของหตุการณ์ทีเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน ซึ่งกลุ่มติดอาวุธฮูธียิงขีปนาวุธบูรกัน-2 ข้ามฝั่งจากเยเมนไปยังซาอุดีอาระเบียเป็นครั้งแรก แต่ในครั้งนั้นซาอุดีอาระเบียก็สามารถยิงต่อต้านขีปนาวุธได้สำเร็จเช่นกัน ขณะที่ผลการไต่สวนบ่งชี้ว่ากลุ่มกบฏฮูธีเป็นผู้ยิงขีปนาวุธดังกล่าวจริง โดยอ้างอิงจากเบาะแสที่พบจากชิ้นส่วนขีปนาวุธ ซึ่งคาดว่ารัฐบาลอิหร่านจะเป็นผู้สนับสนุนด้านอาวุธให้แก่กลุ่มกบฎฮูธีมาตลอด 

Nikki Haley-UNSC-Missile

ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลเยเมนและซาอุดีอาระเบียจึงได้ลงมติให้ขยายเวลาปิดท่าเรือเยเมน แต่ไม่ให้เรือจากต่างประเทศเข้าเทียบท่า เพื่อป้องกันการลำเลียงอาวุธจากอิหร่านมาให้แก่กลุ่มกบฎฮูธีในเยเมน แต่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติแสดงความกังวลต่อกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า การปิดท่าเรือทำให้ไม่อาจส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมาให้แก่ชาวเยเมนราว 8 ล้านคนที่ตกอยู่ท่ามกลางสงครามความขัดแย้งในประเทศได้ และอาจจะทำให้ประชาชนเหล่านั้นเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารขั้นรุนแรง

สงครามปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายในเยเมนเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2015 โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย แต่รัฐบาลนานาประเทศและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนมองว่ากลุ่มติดอาวุธที่ซาอุดีอาระเบียหนุนหลังก็เป็นอีกกลุ่มที่ก่อความรุนแรงต่อพลเรือนในเยเมนเช่นเดียวกับกลุ่มกบฎฮูธี เพราะมักใช้กำลังอาวุธโจมตีปราบปราม ทำให้มีประชาชนถูกลูกหลงเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก