ไม่พบผลการค้นหา
ผู้นำสหรัฐฯ ถูกผู้เข้าร่วมการประชุมสมัชชายูเอ็นครั้งล่าสุดหัวเราะใส่ หลังจากที่เขากล่าวชมการทำงานของตัวเอง และประณามผู้นำประเทศอื่นๆ ที่ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับสหรัฐฯ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้นำโลกแสดงปฏิกิริยา 'ไม่เหมาะสม' ต่อผู้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวทียูเอ็น

การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UN General Assembly (UNGA) ครั้งที่ 73 จัดขึ้นที่นครนิวยอร์กของสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงจาก 193 ประเทศสมาชิกยูเอ็นเข้าร่วม แต่ประเด็นหนึ่งที่เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก คือ เหตุการณ์ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีการประชุม เมื่อวันที่ 25 ก.ย. และถูกตอบโต้ด้วย 'เสียงหัวเราะ' จากผู้เข้าร่วมการประชุม หลังจากเขากล่าวชื่นชมผลงานของตัวเอง โดยระบุว่ารัฐบาลของเขาทำงานมากที่สุดแล้ว เมื่อเทียบกับเกือบทุกรัฐบาลที่ผ่านมา

หลังจากที่ได้ยินเสียงหัวเราะจากผู้ฟัง ทรัมป์กล่าวว่าเขาไม่คาดคิดว่าจะได้รับปฏิกิริยาตอบกลับเช่นนี้ แต่ก็ไม่เป็นไร ทั้งยังกล่าวถึงประเทศที่วางตัวเป็นปฏิปักษ์กับสหรัฐฯ ต่อไป ทั้งอิหร่าน เวเนซุเอลา ซีเรีย เยเมน และ 'ประเทศอื่นๆ' ที่ทรัมป์ไม่ได้ระบุชื่อ แต่กล่าวถึงในฐานะ 'ผู้แสวงหาประโยชน์' จากสหรัฐฯ ทำให้ผู้แทนรัฐบาลหลายประเทศยังคงหัวเราะกับคำพูดบนเวทีของทรัมป์ต่อไปอีกพักหนึ่ง เช่น กลุ่มตัวแทนจากประเทศเยอรมนีที่หัวเราะเมื่อทรัมป์พูดว่าเยอรมนีต้องพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย

ปฏิกิริยาของผู้นำโลกและตัวแทนรัฐบาลต่างๆ ที่มีต่อทรัมป์ กลายเป็นประเด็นใหญ่ในแวดวงสื่อสหรัฐฯ ซึ่งรายงานว่า 'โลกหัวเราะเยาะทรัมป์' โดยอ้างถึงคำกล่าวในช่วงหาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์เองในปี 2559 ซึ่งเขาระบุว่า รัฐบาลในขณะนั้น 'อ่อนแอ' และจะทำให้โลก 'หัวเราะเยาะ' สหรัฐฯ แต่สื่อสหรัฐฯ ที่เป็นฝ่ายเสรีนิยมได้รายงานว่า การกล่าวสุนทรพจน์ของทรัมป์ในครั้งนี้ทำให้เขาถูกโลกหัวเราะเยาะเสียเอง 

สื่อที่สนับสนุนทรัมป์และพรรครัฐบาลรีพับลิกัน เช่น ฟ็อกซ์นิวส์ เผยแพร่บทความของคอลัมนิสต์ประจำ โดยยืนยันว่า ผู้ที่หัวเราะเยาะทรัมป์ก็คือพวกชนชั้นสูงจากต่างชาติ แม้จะเสียงดังในเวทีโลก แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับพลเมืองชาวอเมริกัน ที่ยังคงมองว่าทรัมป์นั้นเป็นผู้นำที่ดีและมีประสิทธิภาพ

AFP-ทรัมป์-ประชุมUNGA

อย่างไรก็ตาม ผู้นำประเทศสมาชิกยูเอ็นที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ ไม่ได้มีแค่สมาชิกสหภาพยุโรปหรือจีนที่ทรัมป์ได้ประกาศนโยบายกีดกันทางการค้าไปแล้ว แต่ยังรวมไปถึงประเทศหมู่เกาะๆ เล็กในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ เช่น ซามัว ซึ่งเข้าร่วมการประชุมด้านสิ่งแวดล้อมเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และเป็นผู้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์กับผู้นำจีนและอินเดียอย่างรุนแรง ในฐานะที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างประเทศด้านสภาพอากาศและสภาวะโลกร้อน

นอกจากเสียงหัวเราะยังมี 'เสียงโห่'

สื่อสหรัฐฯ จะรายงานว่าท���ัมป์เป็นผู้นำสหรัฐฯ คนแรกที่มีผู้หัวเราะใส่ในระหว่างกล่าวสุนทรพจน์บนเวที UNGA แต่เขาก็ตอบโต้ด้วยการทวีตข้อความยืนยันว่า เขาตั้งใจกล่าวเช่นนั้นเพื่อเรียกเสียงหัวเราะอยู่แล้ว แต่ทรัมป์ไม่ใช่ผู้นำคนแรกที่ถูกตอบโต้ด้วยเสียงหัวเราะ โห่ฮา หรือเดินออกจากที่ประชุมเพื่อประท้วงเชิงสัญลักษณ์ แม้ว่าการกระทำเหล่านั้นจะถูกมองเป็นเรื่อง 'ผิดธรรมเนียม' ไปบ้างก็ตาม

ครั้งล่าสุดที่มีการรายงานผ่านสื่อว่าผู้นำประเทศสมาชิกยูเอ็นถูกตอบโต้ในที่ประชุม UNGA คือ กรณีของ 'โรเบิร์ต มูกาเบ' อดีตประธานาธิบดีซิมบับเว ซึ่งขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เมื่อปี 2558 และพูดถึงการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของกลุ่มผู้หลากหลายทางเพศที่เริ่มก่อตัวขึ้นในซิมบับเว แต่เขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว จึงย้ำว่า คนที่เป็นเกย์ไม่ใช่ชาวแอฟริกา และช่วงหนึ่งของการกล่าวสุนทรพจน์ มูกาเบตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า "พวกเราไม่ใช่เกย์" ทำให้ผู้นำและเจ้าหน้าที่จากประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมการประชุมพากันหัวเราะเพื่อตอบโต้ท่าทีขึงขังของมูกาเบ

ขณะที่ 'มูอัมมาร์ กัดดาฟี' อดีตผู้นำเผด็จการผู้ล่วงลับของลิเบีย ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวที UNGA ครั้งแรกในรอบ 40 ปีเมื่อเดือน ก.ย. 2552 ได้นำสำเนาของกฎบัตรสหประชาชาติขึ้นไปฉีกบนเวที พร้อมประณามว่าสหประชาชาติล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะไม่สามารถยับยั้งสงครามที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกได้ ทำให้ผู้เข้าร่วมการประชุมมากกว่าครึ่งเดินออกจากที่ประชุมเพื่อประท้วงกัดดาฟี

สถิติอื่นๆ ที่น่าจดจำในเวที UNGA

นอกเหนือจากการเสียงหัวเราะ โห่ฮา และการเดินออกจากที่ประชุม ยังมีผู้นำคนอื่นๆ ที่สร้างความทรงจำหรือสถิติแปลกใหม่ในเวที UNGA เช่น 'ฟิเดล กาสโตร' อดีตประธานาธิบดีและผู้นำการปฏิวัติคิวบา ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวที UNGA เมื่อปี 2503 และกลายเป็นผู้นำที่พูดนานที่สุด รวมกว่า 4 ชั่วโมง 30 นาที ขณะที่ปกติแล้วผู้ดำเนินการประชุมจะอนุญาตให้ผู้นำประเทศต่างๆ พูดกันคนละประมาณ 15-30 นาทีเท่านั้น

AFP-ที่ประชุมยูเอ็น-สมัชชาใหญ่ยูเอ็น-การประชุมยูเอ็น-UNGA-สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ-UN

นอกจากนี้ยังมี 'ยัสเซอร์ อาราฟัต' ผู้นำขบวนการปลดปล่อยปาเลสไตน์ผู้ล่วงลับ เป็นผู้นำกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองรายแรกที่ไม่ได้เป็นสมาชิกยูเอ็น แต่ได้รับอนุญาตให้เข้าสังเกตการณ์และกล่าวสุนทรพจน์บนเวที UNGA ได้เมื่อปี 2517 โดยอาราฟัตเรียกร้องให้ผู้นำและตัวแทนรัฐบาลทั่วโลกสนับสนุนกระบวนการสันติภาพตะวันออกกลาง เพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ โดยเขาเตือนให้ประชาคมโลกเลือก 'ช่อมะกอก' ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ แทนที่จะเลือก 'กระบอกปืน' ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่ากล่าวสุนทรพจน์ได้อย่างกินใจ

เมื่อเดือน ก.ย. 2549 อดีตประธานาธิบดีเวเนซุเอลา 'อูโก ชาเบซ' ขึ้นพูดบนเวที UNGA พร้อมหนังสือของ 'นอม ชอมสกี' นักวิชาการชื่อดังชาวอเมริกัน โดยได้พาดพิงถึงจอร์จ ดับเบิลยู บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้น ว่าเป็น 'ปีศาจร้าย' และเปรียบเทียบการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้ายของบุชช่วงหลังเหตุการณ์วินาศกรรม 11 ก.ย. 2544 หรือ 9/11 เป็นความพยายามล่าอาณานิคมยุคใหม่ ซึ่งหลังจากกล่าวจนจบ ชาเบซก็ได้รับเสียงปรบมือสนับสนุนจากกลุ่มผู้นำประเทศแถบละตินอเมริกาและประเทศอื่นๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายการทำสงครามต่อต้านก่อการร้ายและการแทรกแซงทางเศรษฐกิจของกลุ่มทุนอเมริกันในประเทศที่เกิดสงครามความขัดแย้งต่างๆ 

ขณะที่ 'เอโบ โมราเลส' ประธานาธิบดีโบลิเวีย เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนชาเบซ ได้นำใบโคคาขึ้นไปบนเวที UNGA เมื่อปี 2549 เช่นกัน โดยเขาได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกสนับสนุนการปลูกต้นโคคาของชาวนาในละตินอเมริกา แม้ว่าที่จริงแล้วโคคาถือเป็นพืชผิดกฎหมาย เป็นสารตั้งต้นของยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่จัดประชุม

เวที UNGA ครั้งที่ 73 มีอะไรใหม่บ้าง?

การประชุม UNGA ครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นในปีนี้ ถือเป็นครั้งที่ 73 และมีการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่หลายประการ เช่น ปีนี้เป็นปีแรกที่ตัวแทนประเทศสมาชิกลงมติเลือกประธานการประชุมที่เป็น 'ผู้หญิง' ซึ่งก็คือ มาเรีย เฟอร์นันดา เอสปิโญซา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของเอกวาดอร์

ขณะที่ 'จาซินดา อาเดิร์น' นายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์ ก็ได้นำ 'นีฟ เทียราฮา อาเดิร์น เกย์ฟอร์ด' ลูกสาวคนแรกของเธอ วัย 3 เดือน เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย

AFP-นีฟ-ลูกสาวนายกฯนิวซีแลนด์-ลูกสาวจาซินดา อาเดิร์น

(นีฟ เกย์ฟอร์ด ลูกสาววัย 3 เดือนของนายกรัฐมนตรีหญิงแห่งนิวซีแลนด์ เป็นทารกคนแรกที่ได้ร่วมประชุม UNGA)

ส่วนวงบอยแบนด์ชายล้วนชื่อดัง อย่าง BTS หรือบังทันบอยส์ ซึ่งเป็นวงที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมถึงสหรัฐฯ เป็นศิลปินกลุ่มแรกจากเกาหลีใต้ที่ได้รับเชิญขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ ความยาว 3 นาที ในพิธีเปิดการประชุมเมื่อวานนี้ (24 ก.ย.) โดยวงบีทีเอสได้เรียกร้องให้วัยรุ่นทั่วโลก 'เป็นตัวของตัวเอง' ซึ่งเป็นการรณรงค์ต่อยอดความร่วมมือระหว่างบีทีเอสและคณะกรรมาธิการยูนิเซฟของเกาหลีใต้ที่ต้องการลดและป้องกันการกลั่นแกล้งภายในโรงเรียน ซึ่งต้องอาศัย 'จิตใจที่เข้มแข็ง' ของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว

ส่วนประเด็นสำคัญในการประชุมครั้งนี้จะรวมถึงการหาแนวทางยุติสงครามความขัดแย้งในซีเรียและเยเมน การต่อสู้และรับมือกับปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและสภาวะโลกร้อน กระบวนการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการส่งชาวโรฮิงญาผู้ลี้ภัยความขัดแย้งกลับไปยังเมียนมา การออกมาตรการคว่ำบาตรประเทศต่างๆ ที่ละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

นอกจากนี้ยังจะรวมถึงการเรียกร้องให้จีนชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีที่ถูกเปิดโปงโดยรายงานล่าสุดของกลุ่มปกป้องสิทธิมนุษยชน ว่าจีนจับกุมประชากรชาวมุสลิมในประเทศนับล้านคนไปกักตัวและฝึกอบรมในค่ายปรับทัศนคติ ทั้งที่สิทธิในการนับถือศาสนาและการปฏิบัติศาสนกิจถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามหลักกฎหมายสากล 

ที่มา: Coconut/ Haaretz/ France 24/ Guardian/ Quartz/ Telegraph/ UN News

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: