ไม่พบผลการค้นหา
สงสัยไหม อะไรคือ 'ความชอบธรรม' ในมิติพิศวง และเส้นประ 9 ขีดในแผนที่แสดงพรมแดนของสาธารณรัฐประชาชนจีนในทะเลจีนใต้

เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2010 โฆษกกระทรวงต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้แถลงตอบโต้การที่รัฐบาลเวียดนามได้กระทำการสำรวจและเตรียมขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเลจีนใต้ร่วมกับบริษัทเอกชนอินเดียบริษัทหนึ่งว่า “จีนมีอธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้และเกาะต่างๆ ในทะเลจีนใต้โดยปราศจากข้อโต้แย้ง และจุดยืนนี้ของจีนก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และกฎหมายระหว่างประเทศ...” แล้วก็ บลา บลา บลา ต่อไปว่าถ้าชาติอื่นต้องการจะสำรวจหรือใช้ทรัพยากรในทะเลจีนใต้ก็ควรจะมาขออนุญาตจีนก่อน และชาติอื่นที่อยู่นอกภูมิภาคก็ไม่ควรจะเข้ามาแทรกแซงในความขัดแย้งเรื่องพรมแดนในทะเลจีนใต้

บ่นมาทั้งหมดนี้ เป็นไปตามอัตลักษณ์ความเป็นรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างยิ่งยวด กล่าวคือ ไม่ออกชื่อประเทศที่บ่นถึงเลยตลอดทั้งแถลงการณ์ และอ้างความชอบธรรมทั้งทางประวัติศาสตร์และตามกฎหมายระหว่างประเทศตลอดเวลาโดยที่ไม่อธิบายว่าความชอบธรรมดังกล่าวคืออะไร ปล่อยให้ทั้งนักประวัติศาสตร์และนักกฎหมายระหว่างประเทศไปตีลังกาคิดกันเอาเองว่า 'ความชอบธรรม' ในมิติพิศวงที่จีนพูดถึงนี้มันจะหมายถึงอะไรได้บ้าง

สรุปภาพรวมประวัติความเป็นมาของกรณีพิพาทดินแดนและน่านน้ำในทะเลจีนใต้อย่างย่นย่อที่สุดภายใน 15 บรรทัดได้ดังนี้

หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 สาธารณรัฐจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีเจียงไคเช็ก ได้ออกแถลงการณ์ออกมาในปี ค.ศ. 1947 ซึ่งมีแผนที่แสดงพรมแดนของสาธารณรัฐจีนในทะเลจีนใต้ โดยขีดเป็นเส้นประ 9 ขีด (nine-dash line) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ ตั้งแต่ใต้เกาะฟอร์โมซามาจนถึงเหนือเกาะบอร์เนียว 

อีก 2 ปีต่อมา ฝ่ายคอมมิวนิสต์มีชัยชนะบนผืนแผ่นดินใหญ่และประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้น นายโจวเอินไหล ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ประกาศยืนยันแผนที่เส้นประ 9 ขีดนั้นว่าน่านน้ำดังกล่าวเป็นพรมแดนของรัฐชาติจีนซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียว คือ สาธารณรัฐประชาชนจีนนั่นเอง จากนั้นประเทศต่างๆ ที่รายล้อมทะเลจีนใต้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ทยอยได้รับเอกราชและสถาปนาตนเป็นรัฐชาติขึ้นมา แต่ตลอดทศวรรษที่ 1950 ถึง 1990 ทุกคนก็พากันยุ่งวุ่นวายกับยุคสงครามเย็น ซึ่งดูจะร้อนมากเป็นพิเศษ ทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสหรัฐอเมริกาก็ยังเอากองเรือบรรทุกเครื่องบินมาป้วนเปี้ยนคุมอยู่อย่างสม่ำเสมอ 

จวบจนกระทั่งสงครามเย็นสิ้นสุดลงและจีนเปิดประเทศจนกลายมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองของโลกในศตวรรษที่ 21 นี่แหละถึงได้เริ่มเกิดความขัดแย้งทะเลาะกันกับรัฐชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหลายที่รายล้อมทะเลจีนใต้อยู่ว่าพื้นที่ในเส้นประ 9 ขีดนี้มันควรจะเป็นอาณาบริเวณภายใต้อำนาจอธิปไตยของใครกันแน่ ประเทศที่ร่วมวงทะเลาะแย่งทะเลและทรัพยากรในทะเลกัน ณ ปัจจุบันนี้ก็ประกอบด้วย จีนทั้งสองจีน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย และเวียดนาม

ถ้าดูเผินๆ ตามแผนที่แล้วจะเห็นว่าไม่มีเหตุอันใดที่ควรจะเชื่อจีนเลยว่าพื้นที่ภายในเส้นประ 9 ขีดนั้นควรจะเป็นของจีน เพราะมันห่างไกลจากชายฝั่งทั้งจีนและไต้หวันมากกว่าประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างชัดเจน ถ้าว่ากันตามหลักสากลของน่านน้ำที่ให้นับออกไปไม่เกิน 200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่งของแต่ละประเทศนั้นก็น่าจะสรุปได้ว่าทะเลจีนใต้ส่วนใหญ่น่าจะเป็นของเวียดนามและฟิลิปปินส์ต่างหาก และเรื่องนี้ฟิลิปปินส์เองก็ได้ร้องต่อคณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยกฎหมายทางทะเลแห่งสหประชาชาติ หรือ United Nations Convention on the Law of the Sea (UNCLOS) แล้ว และองค์กรดังกล่าวของสหประชาชาติก็ได้มีมติออกมาเมื่อสองปีก่อน (ค.ศ. 2016) ด้วยว่าในข้อพิพาทพรมแดนและน่านน้ำในทะเลจีนใต้ระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์นั้นควรให้เป็นอาณาบริเวณภายใต้อธิปไตยของฟิลิปปินส์ แต่สาธารณรัฐประชาชนจีนก็ไม่ยอมรับอำนาจของคณะกรรมการผู้ตัดสินนี้และยืนยันว่าเรื่องพรมแดนในทะเลจีนใต้เป็นเรื่องที่ต้องจัดการแก้ไขกันในระดับทวิภาคีคือจีนกับแต่ละชาติที่มาพิพาทกับจีน สรุปคือสหประชาชาติและชาติอื่นๆ นอกพื้นที่อย่ามายุ่ง

ในเรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้นี้ จีนชอบอ้างความชอบธรรมทางประวัติศาสตร์มาก ไปขุดเอาเอกสารตั้งแต่ยุคราชวงศ์มาแสดงให้เห็นว่ารัฐต่างๆ รอบทะเลจีนใต้ล้วนแต่ส่งบรรณาการให้จีนมาโดยตลอด เห็นได้ชัดว่าทะเลจีนใต้นั้นเป็นเขตอิทธิพลของจีนมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาแล้ว ตรรกะนี้ประหลาดมากจริงๆ เห็นแล้วก็อยากแนะนำให้ประเทศมาเซโดเนียอ้างประวัติศาสตร์สมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชบ้าง จะได้ขยายพรมแดนประเทศมาถึงภูเขาหิมาลัยเลย และเมืองไทยใหญ่อุดมของเราจะได้กลับไปส่งส่วยน้ำให้ฮุนเซนเหมือนสมัยขอมดำดินด้วย คิดว่าน่าจะช่วยให้เกิดความปรองดองขึ้นในโลกนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว...

จะบ้าเหรอคะ! ไม่ได้ค่ะ คุณจะมาอ้างตรรกะทางประวัติศาสตร์อย่างงี้ไม่ได้ค่า มันจะยุ่งวุ่นวายหนักมากกกกก... ถ้าจะเอาจริงๆ อะ ระวังมองโกเลียจะมาเคลมจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยนะคะ อย่าลืมว่าสมัยกุ๊บไลข่านเขาก็ครองแผ่นดินจีนเกือบทั้งประเทศนะเออ ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้ ทำอย่างงี้ไม่ได้ค่ะ มันเป็นความตรรกะวิบัติทางประวัติศาสตร์ค่ะ

แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วมันก็มีเหตุผลทางประวัติศาสตร์ที่พอจะสนับสนุนการยืนยันอำนาจอธิปไตยของจีนเหนือทะเลจีนใต้ได้เหมือนกันนะคะ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะต้องย้อนกลับไปถึงสมัยพระถังซำจั๋งหรือขอมดำดินหรอกค่ะ เอาแค่ 200 กว่าปีมานี้ก็พอ ตั้งแต่ยุคอาณานิคมจนถึงสิ้นสุดยุคสงครามเย็น เราจะเห็นว่าทะเลจีนใต้ไม่เคยเป็นเขตอิทธิพลของรัฐในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลย เหตุเพราะรัฐในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รายล้อมทะเลจีนใต้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นอาณานิคมของชาติตะวันตกทั้งสิ้น ในยุคอาณานิคมรุ่งเรืองตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19 นั้น จักรวรรดิอังกฤษก็ควบคุมเส้นทางการค้าและการเดินเรือระหว่างอินเดียกับจีนผ่านอาณานิคมและเมืองท่า ตั้งแต่อนุทวีปผ่านช่องแคบมะละกามาถึงเมืองท่าการค้าเสรีทางตอนใต้ของจีน อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากชัยชนะในสงครามฝิ่น ต่อมาในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา ญี่ปุ่นบุกจีนแล้วก็เดินทัพลงใต้ ยึดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ พร้อมทั้งรัฐและเมืองท่ารอบทะเลจีนใต้ทั้งหมด พอหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทะเลจีนใต้ก็เป็นเขตอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาอย่างชัดเจน มีทั้งฐานทัพเรือในฟิลิปปินส์ มีกองเรือที่เจ็ดคุมช่องแคบไต้หวัน และยังมีกำลังทหารรบอยู่ในเวียดนามตั้งยาวนาน 

สรุปแบบไม่เกรงใจคนบ้านเดียวกันก็คือ ตลอดระยะเวลาในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่ผ่านมากว่าสองศตวรรษเนี่ย... ทะเลจีนใต้ไม่เคยอยู่ในความควบคุมของรัฐรอบทะเลจีนใต้เลย ทะเลจีนใต้เป็นเขตอิทธิพลของมหาอำนาจมาโดยตลอด และในศตวรรษที่ 21 ถ้าอเมริกาจะเสื่อมอำนาจไปแล้ว อังกฤษจะเจ๊งกะบ๊งเพราะ Brexit และญี่ปุ่นเศรษฐกิจฝืดมาเป็นสิบปีติดต่อกันเนี่ย ทะเลจีนใต้มันก็ไม่ควรจะเป็นของเวียดนาม หรือฟิลิปปินส์ หรือประเทศใดๆ หรือทุกประเทศในอาเซียนรวมกันหรอก เพราะว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มันเป็นภูมิภาคกระจอกๆ ของประเทศที่กำลังพัฒนามาตั้งแต่ทศวรรษ 1960 แล้วจนป่านนี้ก็ยังกำลังพัฒนาต่อไป ถ้าจะมีมหาอำนาจใดคู่ควรกับการมีอิทธิพลครอบงำทะเ��จีนใต้ในศตวรรษปัจจุบันนี้ก็คงจะต้องเป็นจีนแหละค่ะทั่นผู้ชม

อ่านแล้วเจ็บช้ำน้ำใจมั้ยคะ ที่เกิดเป็นประชากรของภูมิภาคที่เกิดมาเพื่อเป็นลูกไล่มหาอำนาจอะค่ะ อย่าเสียใจไปเลยนะคะ เพราะว่าอาเซียนก็ทำตัวสมคาแรกเตอร์แห่งความเป็นลูกไล่มหาอำนาจมากเลยค่ะ กล่าวคือ อาเซียนไม่อาจมีจุดยืนร่วมกันในประเด็นกรณีพิพาทพรมแดนในทะเลจีนใต้ได้ค่ะ เพราะในขณะที่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และบรูไนเขาเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมในเขตพื้นที่ 200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่งเขาเนี่ย ลาวกับกัมพูชาก็ออกตัวสนับสนุนจีนเต็มตัวค่ะ ส่วนไทยก็ทำตัวแบบไทยๆ อ่ะค่ะ คือ ประกาศความเป็นกลาง แต่ว่าซื้อเรือดำน้ำจีนมาแล้ว 3 ลำโดยอ้างว่าเพื่อความมั่นคงเผื่อเขารบกันในทะเลจีนใต้ คือเราไม่อยากให้รบกันนะคะ แต่ถ้าเขาจะรบกันเนี่ย สงสัยจังเลยค่ะว่าเราจะเลือกรบกับเพื่อนบ้านอาเซียนหรือเราจะรบกับจีนที่ออกแบบและสร้างเรือดำน้ำให้เราอ่ะค่ะ 

ก็เป็นซะอย่างเงี้ยอะค่ะอาเซียน ก็เป็นลูกไล่เขาต่อไปเถอะค่ะ มันเป็นชะตากรรมของเรามาสองร้อยกว่าปีแล้วค่ะ

“อย่าบอกโรซี่”
คนทำงานวิชาการด้านประวัติศาสตร์จีน และจับตามองความสัมพันธ์ระหว่างจีนไทย และประเทศใหญ่น้อย
0Article
0Video
0Blog