ไม่พบผลการค้นหา
ปิดคดีทุจริตเงินปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยของ 'โอ๊ค-พานทองแท้' ลูกชายอดีตนายกฯ หลังอัยการสูงสุดไม่ยื่นอุทธรณ์

จากกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลได้มีคำสั่งในคำร้องขออนุญาตขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 6 ในคดีหมายเลขดำที่ อท.245/2561 หมายเลขเเดงที่ อท.225/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่น ฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดีร่วมกันกันฟอกเงินทุจริตเงินปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด จำนวน 10 ล้านบาท ในความความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 , 9 , 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 91

โดยศาลพิจารณาให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ถึงวันที่ 25 มิ.ย.นี้ เพื่อให้อัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้องหรือไม่ ล่าสุดมีรายงานว่า อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งชี้ขาด ไม่ยื่นอุทธรณ์คดี ดังนั้นถือว่าคดีดังกล่าวสิ้นสุดลง โดยคำสั่งชี้ขาดดังกล่าวลงนามโดยรองอัยการสูงสุดคนหนึ่งซึ่งปฏิบัติราชการเเทนอัยการสูงสุด

สำหรับคดีนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2562 ซึ่งต่อมาทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้ทำความเห็นส่งไปยังอัยการสำนักงานคดีศาลสูง ว่าเห็นควรไม่อุทธรณ์คดีต่อ ซึ่งอัยการสำนักงานคดีศาลสูงเห็นด้วย ตามกฎหมายจึงต้องส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษฯ มาตรา 34 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่

โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณากลั่นกรองเรื่อง เพื่อเสนอความเห็นต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวน ความเห็นของพนักงานอัยการ และคำพิพากษาของศาล ทั้งที่พิพากษายกฟ้อง และที่ทำความเห็นแย้งไว้ท้ายคำพิพากษา ประกอบกับความเห็นของพนักงานอัยการที่เห็นควรไม่อุทธรณ์คำพิพากษาแล้ว เห็นว่ายังมีประเด็นสำคัญแห่งคดีที่ควรต้องนำสู่การพิจารณาของศาลสูงเพื่อวินิจฉัย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีความเห็นควรให้นำคดีขึ้นสู่ศาลสูงโดยส่งให้อัยการสูงสุดชี้ขาด เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา 

อ่านเพิ่มเติม